จับตาเอเจนซี่สัญชาติไทย คิว แอนด์ เอฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง ซุ่มเงียบสร้างผลงานปาดหน้าเอเจนซี่หัวนอก เตรียมฟัน 2200 ล้าน ฉลองปีกระต่าย

ข่าวทั่วไป Friday January 21, 2011 13:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--คิว แอนด์ เอฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง เล็ก รัมณียานนท์ จับมือ สกล นครชัย สร้างสรรค์งานโฆษณาครบวงจร ทั้งทำหนัง วางแผนและซื้อสื่อ เป็นที่ปรึกษาด้านการตลาด จัดกิจกรรม ทำพีอาร์ ล่าสุดดัน คิว แอนด์ เอฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง ฝ่าด่านอรหันต์แข่งขันกับเอเจนซี่โฆษณาหัวนอก ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง เอเจนซี่ไทย ที่มียอดผลิตสื่อโฆษณา และยอดซื้อสื่อโฆษณาสูงสุด ของทุกสถานีโทรทัศน์หลังทำงานเป็นเสือซุ่มเปิดบริษัทโฆษณากว่า 18 ปี เล็ก รัมณียานนท์ กรรมการผู้จัดการ คิว แอนด์ เอฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง เปิดโพยแถลงผลประกอบการ ว่า “ในปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัท คิว แอนด์ เอฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง มียอดบิลลิ่งอยู่ที่ 1,900 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อน 27% ซึ่งมาจากผลงาน 2 ส่วน คือ งานเอเจนซี่โฆษณา และ รับวางแผนและซื้อสื่อโฆษณา ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด จากบิลลิ่ง 700-800 ล้านบาท โตขึ้นมา 50% ขยับขึ้นเป็น 1,200 ล้านบาท ในปี 2551 และขึ้นเป็น 1500 ล้านบาท ในปี 2552 ซึ่งเราตั้งเป้าไว้ว่าสิ้นปี 2554 นี้จะมีบิลลิ่งมากกว่า 2,200 ล้านบาท แน่นอน” “ลูกค้าของเราในปีนี้ หลักๆ เป็นลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ที่ลูกค้าเก่าแนะนำมาให้ ซึ่งลูกค้าเก่าจะเป็นลูกค้าที่มีความเชื่อมั่นให้เราดูแลต่อเนื่องแบบ 360 องศา คือเป็นทั้งที่ปรึกษาด้านการตลาด ทำหนัง วางแผนและซื้อสื่อ จัดกิจกรรม ทำพีอาร์ ครบทั้งวงจรคอมมิวนิเคชั่น อย่าง ลูกค้าในกลุ่มกระทิงแดง ได้แก่ แบรนด์กระทิงแดง ซูเปอร์ลูกทุ่ง เครื่องดื่มเรดดี้ ไปจนถึงโครงการ เพื่อสังคมต่างๆ ที่กระทิงแดงทำ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าหลักที่ดูแลกันมานานมาก อย่าง มิสทีน ,ฟาร์ริส(บายนาริส), แคตตาล็อก ฟรายเดย์ ,กลุ่มผลิตภัณฑ์เอสซีเอส ,จักรยานแอลเอ ,เครื่องนอนโตโต้ แอร์มิสซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ , บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ซึ่งการที่เรามีวันนี้ได้ก็เพราะลูกค้าให้โอกาส และมองเห็นศักยภาพของเอเจนซี่ไทยแท้อย่างเรา และไม่ยึดติดว่าต้องเอเจนซี่นอกเท่านั้นถึงจะทำงานได้” เล็ก รัมณียานนท์ กล่าว สกล นครชัย กรรมการบริหาร คิว แอนด์ เอฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง กล่าวเสริมว่า “จุดแข็งของเราอยู่ที่ ความชำนาญในการออกแบบกลวิธีในการสื่อสารให้มีความแตกต่างจากคนอื่น สามารถสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบที่หลากหลาย และเลือกใช้สื่อต่างๆได้อย่างเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ผลงานสร้างสรรค์ที่ผ่านๆ มาของเราจะมุ่งเน้นไปที่หัวใจหลัก คือทำอย่างไรให้ลูกค้าขายของได้ มากกว่าความคิดที่ว่าทำอย่างไรให้ผลงานนั้นได้รับรางวัล” “ด้วยความที่เราเริ่มต้นมาจากการเป็นนักการตลาดที่ต้องบริหารแบรนด์ตั้งแต่เริ่มตั้งชื่อ พูดง่ายๆว่าเริ่มจากศูนย์จนติดตลาด วันนี้เราจึงเข้าใจว่าไม่ใช่แค่ “Consumer Insights” เท่านั้นที่เอเจนซี่ต้องชำนาญ แต่คุณต้องเข้าใจเรื่องของ “Customer Insights” ด้วย นั่นคือ ต้องทำทุกวิถีทางที่จะผลักดันให้สินค้าติดตลาด ขายได้ ซึ่งก็คือความต้องการสูงสุดของลูกค้า ซึ่งเค้าคือเจ้าของผลิตภัณฑ์ เค้าบากบั่นสร้างมา เงินทุกบาททุกสตางค์ในงบโฆษณาต้องใช้อย่างรอบคอบและคุ้มค่าที่สุด เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด หรือไม่เกิดเลย ทุกแคมเปญที่เรายิงออกไปจะต้องได้ผลลัพธ์ที่ดี ที่ลูกค้าพอใจอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังไว้ใจได้เลยว่าราคาที่เสนอไปคือค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ไม่มีอะไรมากเกินไปจนลูกค้าต้องกังวล หลักการทำงานอย่างหนัก คิดให้มาก ลงมือทำให้เยอะ ดูแลสินค้าทุกตัวประหนึ่งว่าเป็นกิจการของเราเอง เป็นเงินลงทุนของเราเอง จะมาทำเล่นๆไม่ได้ และไม่ค้ากำไรเกินควร นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ไม่ถือตัวว่ารู้แล้ว หลายต่อหลายครั้งที่ลูกค้าคือครูของเรา เราได้เรียนรู้แนวคิดจากลูกค้า วันนี้โนว์ฮาว ความรู้ ความเข้าใจ และความพยายาม รวมทั้งโอกาสที่ลูกค้าเปิดให้เราได้แสดงความสามารถ คือแรงผลักสำคัญที่ดันให้ คิว แอนด์ เอฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง ขึ้นสู่อันดับหนึ่ง เอเจนซี่ไทย ที่มียอดผลิตสื่อโฆษณา และยอดซื้อสื่อโฆษณาสูงสุด ของทุกสถานีโทรทัศน์” “การที่เราจะมาถึงจุดที่ได้รับการยอมรับอย่างมาก และการที่จะเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานต่อไป ยังมาจากส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเอเจนซี่กับลูกค้า ที่จะต้องมีแนวความคิดสอดคล้องกันเห็นภาพตรงกัน งานมันก็จะออกมาดี เพราะสุดท้ายถ้าจะต้องทำงานร่วมกัน เราก็จะต้องรับไอเดียของลูกค้ามาปฏิบัติ ไอเดียดีๆที่ควรจะเกิดขึ้นก็จะไม่เกิด นอกจากนี้ด้วยบุคลิกขององค์กรที่ลูกค้าให้คำนิยามว่า คิว แอนด์ เอฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง ย่อมาจาก ควอลิตี้ แอนด์ เฟรนด์ลี่ (Quality Strategy with and Friendly Expense) เราจึงไม่เคยถือตัวว่าเรามีของ แต่เราจะยืดอกบอกลูกค้าทุกครั้งว่าเรามีวิสัยทัศน์มากพอที่จะมองหาสิ่งแปลกใหม่ ตลอดจนมีความพยายามที่จะสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดเฉกเช่นเพื่อนผู้หวังดีมานำเสนออยู่เสมอ แคมเปญ ถนนเส้นประวัติศาสตร์ สตรีท ออฟ คิงส์ “ราชดำเนิน เรดบูล แบงค็อก 2010“ และอีกหลายๆผลงานที่เราทำผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเราเป็นแบบนั้น” สกล กล่าวทิ้งท้าย เกี่ยวกับ คิว แอนด์ เอฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง (Q&F Advertising) แนวคิดในการก่อตั้ง คิว แอนด์ เอฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง มาจากความรัก ความสนใจในงานโฆษณา และความสงสัยของ เล็ก รัมณียานนท์ เมื่อครั้งยังเป็นสาวน้อยลูกพ่อขุนที่ร่ำเรียนมาทางด้านโฆษณา ว่าทำไมวงการโฆษณาไทยต้องใช้แต่เอเจนซี่ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากต่างประเทศ หลังจากเก็บงำความข้องใจไว้ถึง 12 ปี นับจากวันที่เรียนจบ เธอจึงตัดสินใจบินเดี่ยวเปิด บริษัทรับวางแผน และซื้อสื่อโฆษณา ชื่อ L&R Media ในปี พ.ศ.2535 ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม ที่มีพนักงาน 1 คนถ้วน กับยอดขาย 100 ล้านบาท ทำให้ เล็ก รัมณียานนท์ มั่นใจว่าหนทางสู่การสร้างบริษัทโฆษณาที่ฝันไว้อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม หลังจากนั้น 5 ปีให้หลัง เธอยังคงบินเดี่ยวเปิดบริษัทโฆษณา Q&F Advertising ด้วยความมุ่งมั่น จนกระทั่งได้มีโอกาสทำงานร่วมกับนักการตลาด แถวหน้าของเมืองไทย สกล นครชัย นับแต่ปี 2545 เป็นต้นมา สกล นครชัย อดีตนักการตลาดผู้สร้างสรรค์ ตราสินค้ารังนกแท้และซุปไก่สกัด ตราสก็อต จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาโท จาก MBA จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ควบด้วย นิติศาสตร์ มหาบัณฑิต สาขากฎหมายเศรษฐกิจ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2545 สกล นครชัย ผันตัวเองจากนักการตลาด ไปเป็นโค้ชให้ลูก 2 คน จนลูกชายคนโตสอบติดแพทย์ศิริราช และ ลูกสาวคนเล็กคว้ารางวัลเหรียญทองเคมี โอลิมปิก และสอบได้ทุนอานันทมหิดล ไปศึกษาต่อที่อเมริกา เป็นโอกาสให้ เล็ก รัมณียานนท์ ได้พบ สกล นครชัย บนหน้า 1 นสพ. หลังจากหาตัวสกล นครชัย ไม่เจอเลยเป็นเวลา 5 ปี ปฐมบทของการผนึกกำลังกันภายใต้ชื่อ Q&F Advertising ของ นักโฆษณาใจสู้ และนักการตลาดระดับหัวกะทิ จึงเกิดขึ้นนับแต่นั้น
แท็ก กระต่าย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ