กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--กบข.
กบข.เผยศาลปกครองกลางสั่งจำหน่ายคดีที่สมาชิกฟ้องร้องอันเนื่องมาจากผลประกอบการขาดทุนในปี 2551 แล้ว 131 คดี จากทั้งสิ้น 633 คดี ล่าสุด ศาลปกครองกลางสงขลามีคำตัดสินยกคำร้องกบข.ขาดทุนปี 2551 ระบุผู้บริหารปฏิบัติหน้าที่ตามกม.
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา กบข. ถูกสมาชิกฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง อันเนื่องมาจากผลประกอบการของ กบข. ขาดทุนในปี 2551 รวมทั้งสิ้น 633 คดี ปัจจุบันศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของสมาชิกไปแล้ว 131 คดี เนื่องจากสมาชิกไม่ติดตามดำเนินคดีต่อภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
นางสาวโสภาวดี กล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากการจำหน่ายคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 ศาลปกครองสงขลาได้มีคำสั่งยำคำร้องกรณีสมาชิก กบข.กลุ่มหนึ่งยื่นฟ้อง กบข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และกระทรวงการคลัง กรณีผลประกอบการขาดทุนปี พ.ศ. 2551 เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ให้เฉลี่ยผลขาดทุนกับเงินผลประโยชน์ในปี 2550 และปี 2551 และคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่สมาชิกกลุ่มดังกล่าว รวมทั้งให้แก้ไขกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 เพื่อลดสัดส่วนการลงทุนลงตามสภาพเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ศาลฯ ได้วินิจฉัยว่า กบข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และกระทรวงการคลังที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น มิได้ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด โดยศาลวินิจฉัยว่าการนำเงินไปลงทุนของ กบข.ในปี 2551 ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และชอบด้วยกฎหมาย ขณะเดียวกันการจัดสรรผลประโยชน์สุทธิเข้าบัญชีผู้ฟ้องคดี ของ กบข.ก็ ชอบด้วยกฎหมายและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้นไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย
นางสาวโสภาวดีชี้แจงเพิ่มเติมว่าผลประกอบการที่ขาดทุนในปีพ.ศ. 2551 เป็นผลสืบเนื่องจากสาเหตุจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจโลกรุนแรงในปี พ.ศ. 2551 ส่งผลให้การลงทุนในตราสารทุนทั่วโลกตกอยู่ในสภาวะตกต่ำอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นในปี พ.ศ.2552 และพ.ศ.2553 ผลประกอบการกบข.ก็ดีขึ้นคิดเป็น 6.08% ในปี 2552 และ 8.93% สำหรับปี 2553 หรือเฉลี่ย 7.24% นับแต่ก่อตั้งกบข.เมื่อปีพ.ศ. 2540
เกี่ยวกับ กบข. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จัดตั้งขึ้นตาม พรบ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 เพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำเหน็จบำนาญและให้ประโยชน์ตอบแทนการรับราชการแก่ข้าราชการเมื่อออกจากราชการ ส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิก และจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นให้แก่สมาชิก กบข. มีสถานะเป็นองค์กรของรัฐจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะไม่มีสถานะเป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ มีคณะกรรมการ กบข.เป็นผู้กำหนดนโยบาย ปัจจุบัน กบข.มีสมาชิกกว่า 1.2 ล้านคน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิประมาณ 482,000 ล้านบาท
ติดต่อฝ่ายสื่อสารสมาชิก ปุณยนุช จันทศร / เรือง ปิยะณัฐ สวนอภัย โทร. 02 636 1000 ต่อ 263 / 254