ทริสเรทติ้งประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ “บ. บ้านปู” ที่ “A+/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday May 4, 2007 08:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 พ.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความมีชื่อเสียงของบริษัทในฐานะผู้ผลิตถ่านหินในระดับภูมิภาค การกระจายตัวของแหล่งถ่านหิน และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกัน การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจถ่านหินในต่างประเทศ รวมถึงสภาวะทางการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ และบรรยากาศการลงทุนที่ไม่มีความแน่นอนในประเทศอินโดนีเซีย ทั้งนี้ การขยายการลงทุนสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าน่าจะเพิ่มแหล่งรายได้ที่แน่นอนให้แก่บริษัทซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาถ่านหิน
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทบ้านปูจะยังคงรักษาฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งต่อไปได้เพื่อรองรับความเสี่ยงทางธุรกิจและการลงทุนในอนาคตที่เพิ่มสูงขึ้น
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทบ้านปูยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดถ่านหินในประเทศ ในขณะเดียวกันก็ได้ขยายธุรกิจดังกล่าวไปสู่ระดับภูมิภาค ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีช่วยให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจถ่านหินไปยังประเทศอินโดนีเซียจนประสพผลสำเร็จ โดยปัจจุบันบริษัทเป็น 1 ใน 5 ของผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้ การมีเหมืองถ่านหินที่หลากหลายและการมีถ่านหินที่มีคุณภาพแตกต่างกันไปยังมีส่วนช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดระดับภูมิภาคให้แก่บริษัทด้วย บริษัทได้ซื้อหุ้น 12.5% ในเหมือง Daning และ 40% ในเหมือง Hebi Zhong Tai ซึ่งเป็นโครงการเหมืองถ่านหินในประเทศจีน ณ เดือนธันวาคม 2549 บริษัทมีปริมาณสำรองถ่านหินในประเทศไทยและอินโดนีเซียรวมทั้งสิ้น 349.4 ล้านตัน (คิดจากการถือหุ้น 100%) ลดลง 4% จากปี 2548 ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากปริมาณการผลิตถ่านหินที่เพิ่มขึ้นเป็น 21.8 ล้านตันในปี 2549 โดยถ่านหินกว่า 89% มาจากเหมืองในประเทศอินโดนีเซีย รายได้จากการขายถ่านหินของบริษัทในปี 2549 เพิ่มขึ้น 32% จากปี 2548 คิดเป็น 33,378 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายถ่านหินคิดเป็น 91% ของรายได้ทั้งหมด อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2549 ลดลงเป็น 37.6% จาก 44.7% ในปี 2548 เนื่องมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและต้นทุนการทำเหมืองถ่านหินที่เพิ่มสูงขึ้น
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า นอกจากธุรกิจถ่านหินแล้ว บริษัทบ้านปูยังมีการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าคิดเป็นมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2549 ซึ่งประกอบไปด้วยการถือหุ้นใน บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด (BLCP) จำนวน 50% ในบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) จำนวน 14.99% และในโรงไฟฟ้า 3 แห่งในประเทศจีน 70%-100% โดยในปี 2549 บริษัทได้รับเงินปันผลจาก RATCH จำนวน 435 ล้านบาท ในขณะที่ BLCP มีกำไรสุทธิ 769 ล้านบาทจากการดำเนินงานโรงไฟฟ้าในปีแรก และบริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรสุทธิจากโรงไฟฟ้าในประเทศจีนอีก 536 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ