กรุงเทพฯ--28 ม.ค.--วี-คูล คอร์ปอเรชั่น
วี-คูล คอร์ปอเรชั่น เชื่อมั่นตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะเติบโตสูงถึง 37% ในปีนี้มาเป็น 750,000 คัน อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และยังเชื่อมันว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีมากของ วี-คูล ในประเทศไทย
นายกนต์ธร จตุรภัทรพนิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่ายอดจำหน่ายรถยนต์เมื่อปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึง 45.8% ในขณะที่ยอดขายของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ วี-คูล มีอัตราเติบโตมากถึง 50% ซึ่งยอดขายในปี 2554 ทางบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่ายอดขายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ วี-คูล จะมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราที่สูงกว่าการเจริญเติบโตของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย
นายกนต์ธรกล่าวว่าด้วยความร่วมมืออย่างดีจากบริษัท วี-คูล อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ยี่ห้อ วี-คูล ได้ประกาศแผนการตลาดสำหรับปีนี้ โดยได้กำหนดแผนดำเนินการสร้างแบรนด์วี-คูลให้เป็นฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในตลาดทั้งในส่วนของยอดขายและส่วนแบ่งการตลาด โดยได้กำหนดแผนปฏิบัติการ “One World” ดังนี้
CustomerCare:
การให้ความรู้และประสบการณ์เชิงลึกในแบรนด์วี-คูลแก่ลูกค้า
นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
PartnerCare
การรุกตลาดโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยเพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายวี-คูลสามารถเพิ่มยอดขายได้เท่าตัว
EnviroCare
การสร้างจิตสำนึกด้านการบริหารสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการบริหารธุรกิจ
นายกนต์ธรกล่าวว่าตนจะนำเสนอขอบเขตของแผนปฏิบัติการ “One World” นี้ในที่ประชุมตัวแทนจำหน่ายโดยมุ่งไปที่การสร้างจิตสำนึกด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อมร่วมกับตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรคู่ค้าเช่นบริษัทรถยนต์ เป็นต้น โดยมีเป้าหมายอย่างชัดเจนที่ วี-คูล จะดำเนินการร่วมกับตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรคู่ค้า ตลอดจนลูกค้า ในลักษณะ “One Voice, One Form” ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อม
ทางด้าน มร. ทอมมี่ เยียว ผู้จัดการภูมิภาค บริษัท วี-คูล อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยเพิ่มเติมว่าภายใต้นวัตกรรมและเทคโนโลยีของ วี-คูล นั้น ได้มีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมโดยตรง ทั้งนี้รถยนต์ที่ใช้ฟิล์มกรองแสง วี-คูล จะสามารถลดการใช้น้ำมันได้ 3% จากการทำงานที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นของคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ ซึ่งหมายถึงรถยนต์คันดังกล่าวจะลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 132 กิโลกรัมต่อปี อีกทั้งประสิทธิภาพของการขับจะดีขึ้นอีก 25% เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ที่ใช้ฟิล์มกรองแสงทั่วไป
“ผมอยากบอกว่าเจ้าของรถในประเทศไทยที่ใช้ฟิล์มวี-คูลนั้น มีส่วนในการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ภายใต้เทคโนโลยีขั้นสูงของ วี-คูล” มร.เยียวกล่าว