สปส.ระบุการบริหารที่ดีช่วยให้กองทุนฯ มีเงินสำรองเพียงพอ

ข่าวทั่วไป Wednesday May 23, 2007 14:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--สปส.
การบริหารด้านการเงินและการลงทุนที่ดีจะช่วยให้สามารถสำรองเงินเพื่อการจ่ายเงินประโยชน์ทดแทนให้แก่ผู้ประกันตนกรณีชราภาพในอนาคตได้อย่างเพียงพอ
นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า เงินสมทบที่ผู้ประกันตนถูกหักจากเงินเดือนแต่ละเดือน 5 % นั้น 3 % คือเบี้ยชราภาพ ซึ่งผู้ประกันตนจะได้รับเมื่ออายุครบ 55 ปีและสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนแล้ว โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ เงินบำเหน็จ (เงินก้อน) เงินบำนาญ(ได้รับเป็นรายเดือนตลอดชีวิต) ดังนั้นหากผู้ประกันตนท่านใดที่ไม่เคยใช้สิทธิประโยชน์ใดเลยจากกองทุนประกันสังคม ก็ขออย่าได้เสียดายเงินสมทบที่จ่ายไปตลอดชีวิตการทำงาน เพราะ 3 % เป็นเบี้ยชราภาพ ที่ท่านจะได้รับคืนมาในรูปของบำเหน็จ บำนาญ ซึ่งจะมีเงินสมทบในส่วนของนายจ้างอีก 3 % ต่อเดือน และดอกผลที่ประกันสังคมจ่ายให้ทุกปีด้วย
นายสุรินทร์ กล่าวอีกว่า “ในกรณีที่ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบน้อยกว่า 15 ปี (180 เดือน) จะได้รับเงินสงเคราะห์เป็น “บำเหน็จชราภาพ” โดยผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ เฉพาะในส่วนที่ตัวเองส่งเท่านั้น แต่กรณีส่งเงินสมทบมากกว่า 12 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพส่วนที่ตัวเองและนายจ้างส่งเข้ามา บวกกับดอกผลที่สำนักงานประกันสังคมได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนั้นๆ แล้วประกาศให้ทราบ และหากส่งเงินสมทบครบ 15 ปีขึ้นไป จึงจะได้รับเป็นเงิน “บำนาญ”
ในส่วนของเงินบำนาญนั้นปัจจุบันยังไม่มีใครได้รับเพราะอายุของกองทุนประกันสังคมกรณี ชราภาพยังไม่ถึง 15 ปี และเกษียณอายุงาน แต่มีหลักเกณฑ์ในการรับเงินคือ ผู้ประกันตนจะได้รับเงิน 15 % ของค่าจ้าง 60 เดือนสุดท้าย และถ้าส่งเงินสมทบมากกว่า 15 ปี จะได้รับเพิ่มอีกร้อยละ 1 % ในทุกๆ 1 ปี ซึ่งในขณะนี้ กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการปรับเพิ่มเงินบำนาญ จากอัตรา15 %เป็น 20%ของค่าจ้าง และเพิ่มอัตราผลประโยชน์จาก1 % เป็น 1.5%ตามมติของคณะกรรมการประกันสังคมเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2548
จากสิทธิประโยชน์ดังกล่าว กองทุนประกันสังคมจำเป็นต้องเก็บเงินสมทบเพื่อรองรับการจ่ายเงินประโยชน์ทดแทนทั้ง 2 กรณี และต้องมีระบบการบริหารการเงินและการลงทุนที่ดี เพื่อให้สามารถสำรองเงินให้แก่ผู้ประกันตนได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในกรณีของเงินบำนาญชราภาพที่ต้องจ่ายให้ผู้ประกันตนเป็นรายเดือนตลอดชีวิตนั้น จะเริ่มการจ่ายครั้งแรกในปี 2557 เป็นต้นไป โดยจะมีผู้ที่ได้รับเงินในกรณีดังกล่าวประมาณ 10,000 คน เป็นเงิน 13,000 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าในแต่ละปีจะมีผู้ประกันตนที่มีสิทธิสูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเทียบกับเงินสมทบที่มีการจัดเก็บในแต่ละปีแล้วพบว่า ในปี 2590 จำนวนเงินสมทบที่จัดเก็บจะเท่ากับเงินกรณีชราภาพ ที่จะต้องจ่ายในปีนั้นๆ และตั้งแต่ปี 2591 ซึ่งจะเป็นปีแรกที่กองทุนประกันสังคมเริ่มนำเงินสมทบที่สะสมไว้มาจ่ายเป็นเงินบำเหน็จชราภาพและบำนาญชราภาพ โดยคาดว่าจะมีผู้ได้รับเงินดังกล่าวประมาณ 4,700,000 คน รวมเป็นเงิน 2,900,000 ล้านบาท ดังนั้นความสามารถในการบริหารจัดการด้านการเงินและการลงทุนที่ดีเท่านั้น ที่จะช่วยยืดเวลาดังกล่าวให้นานขึ้น
ทั้งนี้ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบจำนวนเงินสะสมกรณีชราภาพของตนเองได้ทางเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.thซึ่งผู้ประกันตนต้องลงทะเบียนขอรหัสผ่านจาก สปส.ก่อน หรือจากตู้บริการข้อมูลอัตโนมัติ (Kiosk) ซึ่งตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าและสถานที่ชุมชน กว่า 10 แห่ง อาทิ บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ สาขารัตนธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี สาขาบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ฯลฯ รวมทั้งสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 1 สำนักงานประกันสังคม ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
ศูนย์สารนิเทศ สายด่วน 1506 /www.sso.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ