ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ บมจ. ไทยออยล์; ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นมีเสถียรภาพ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 31, 2011 12:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ที่ระดับ ‘AA-(tha)’ (AA ลบ (tha)) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F1+(tha)’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัทที่ระดับ ‘AA-(tha)’ (AA ลบ (tha)) ในขณะเดียวกันฟิทช์ได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นมีเสถียรภาพจากแนวโน้มเครดิตเป็นลบ การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯจะสามารถลดอัตราส่วนหนี้สิน (ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (adjusted net debt to EBITDAR)) ลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 1 เท่าได้ภายในปี 2554 (2552: 1.8 เท่า) แม้ว่าการลดลงของอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวในปี 2553 น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของบริษัทฯ มีแนวโน้มที่จะไม่เพิ่มขึ้นมากในช่วงปี 2554-2555 ในขณะที่ความสามารถในการสร้างกระแสเงินจากการดำเนินงานในช่วงเวลาดังกล่าวมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ฟิทช์คาดว่าธุรกิจหลักของบริษัทฯกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว โดยธุรกิจการกลั่นน้ำมันคาดว่าจะฟื้นตัวในปี 2554 จากจุดต่ำสุดของวัฏจักรที่เกิดขึ้นในปี 2552 ในขณะที่ธุรกิจพาราไซลีนจะยังคงได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่จะเข้ามาใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2554 และคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2554 จากความต้องการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการเริ่มการผลิตของโรงงานพีทีเอใหม่หลายๆแห่ง นอกจากนี้การที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้โรงกลั่นในประเทศผลิตก๊าซแอลพีจีมากขึ้นเพื่อทดแทนการนำเข้า จะทำให้การค่ากลั่นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างน้อยประมาณ 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อันดับเครดิตของบริษัทฯ สะท้อนถึงการที่บริษัทฯดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมันที่มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ และมีกระบวนการกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปชนิดที่มีมูลค่าสูงได้ในสัดส่วนที่สูงโดยมีต้นทุนการผลิตต่ำ โดยบริษัทฯสามารถรักษาความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆในภูมิภาคเดียวกัน อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงความสำคัญทางกลยุทธ์ของบริษัทฯที่มีต่อ บมจ. ปตท. หรือ ปตท. และลักษณะการดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงระหว่างกันในฐานะโรงกลั่นน้ำมันหลักของกลุ่ม ปตท. (ปัจจุบัน ฟิทช์จัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ ปตท. ที่ระดับ AAA(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) อย่างไรก็ตามความเชื่อมโยงดังกล่าวไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะเพิ่มอันดับเครดิตเนื่องจากการที่ ปตท. เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่โดยถือหุ้นอยู่ร้อยละ 49.1 นอกจากนี้การที่บริษัทฯมีสายการผลิตต่อเนื่องไปยังการผลิตพาราไซลีน น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและผลิตภัณฑ์โซลเว้นท์ยังเป็นการเพิ่มระดับการผลิตแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์น้ำมันและลดความผันผวนของส่วนต่างของรายได้กับต้นทุน ในขณะเดียวกันการเข้าไปดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดความผันผวนของการสร้างกระแสเงินสดจากธุรกิจการกลั่นน้ำมัน แม้ว่าปัจจุบันกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะมีสัดส่วนที่ยังน้อยอยู่ก็ตาม อย่างไรก็ตามอันดับเครดิตของบริษัทฯ ยังพิจารณารวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากการที่บริษัทฯต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ค่าการกลั่น ตลอดจนวัฎจักรของธุรกิจปิโตรเคมี นอกจากนี้บริษัทฯยังมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทมีฐานลูกค้าที่ไม่กระจายตัวมากพอ รวมถึงการมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว และการพึ่งพาตลาดในประเทศเพียงตลาดเดียวในการขายผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัทฯ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงจากการที่บริษัทมีฐานลูกค้าที่ไม่กระจายตัวมากพอได้ถูกบรรเทาลงบางส่วนจากการที่ผู้รับซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปรายใหญ่ (ปตท.) เป็นผู้ดำเนินธุรกิจรายใหญ่ในการจัดจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย และมีอันดับเครดิตที่แข็งแกร่งที่ระดับ ‘AAA(tha)’ นอกจากนี้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความเสี่ยงจากการที่ประเทศไทยต้องพึ่งพาแหล่งน้ำมันดิบจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง ฟิทช์กล่าวว่า ค่าการกลั่นและส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบและราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของการลงทุนที่ใช้เงินกู้เป็นแหล่งเงินทุนซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าที่สูงกว่า 1.0 เท่า อย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตได้ ในขณะที่การปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในสองถึงสามปีข้างหน้ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากอันดับเครดิตในปัจจุบันอยู่ในระดับสูง และข้อจำกัดของอันดับเครดิตซึ่งได้แก่ขนาดการผลิตและการมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว ติดต่อ: เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล Senior Director +662 655 4760 บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ชั้น 13, อาคารเวฟเพลส, ถนนวิทยุ, แขวงลุมพินี, เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 Secondary Analyst Primary Analyst เอกพันธ์ พรหมประพันธ์ Analyst +662 655 4753 Committee Chairperson Steve Durose Senior Director +61 2 8256 0307

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ