กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
ในไตรมาส 2 ปี 2550 บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) มีรายได้รวม 3,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 โดยมีกำไรสุทธิ 230 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ปี 2550 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและอุปสงค์ภายในประเทศจะชะลอตัวลง แต่ธุรกิจอาหารและธุรกิจโรงแรมของ MINT สามารถรักษาอัตราการเจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านธุรกิจอาหารของบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2550 ไมเนอร์ฟูดส์กรุ๊ป (MFG) มีรายได้ 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม นอกจากนี้ MFG มีการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขาเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 ปี 2550 จำนวน 5 สาขา ซึ่งการเติบโตของรายยอดขายรวมส่วนหนึ่งมาจากความสำเร็จในการขยายสาขาในประเทศจีน โดยไตรมาส 2 ปี 2550 MFG ได้เปิดสาขาแฟรนไชส์ของ เดอะ พิซซ่า สาขาแรกในทางตอนเหนือของประเทศจีน ปัจจุบัน MFG มีสาขาร้านอาหารในประเทศจีนทั้งสิ้น 34 สาขา และกล่าวได้ว่าการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารถือว่ามีส่วนสำคัญในแผนขยายกิจการในประเทศจีนในระยะยาว
ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไตรมาส 2 ปี 2550 ธุรกิจโรงแรมของ MINT สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ 1,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 18 ในขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3,128 บาท ทั้งที่อัตราค่าห้องพักส่วนใหญ่จะกำหนดในรูปของสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐก็ตาม การที่รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เพิ่มขึ้นมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานโรงแรมที่เปิดใหม่ ได้แก่ โรงแรม โฟร์ ซีซั่น ที่สมุย ซึ่งเปิดดำเนินการในไตรมาส 1 ปี 2550 และโรงแรม 3 แห่งที่มัลดีฟส์ ซึ่งรวมถึงโรงแรม นาลาดู ที่เพิ่งเปิดดำเนินการในไตรมาส 1 ปี 2550 นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคม บริษัทฯ ได้ประกาศการเริ่มเป็นพันธมิตรในรูปแบบของการเป็นผู้บริหารจัดการโรงแรมของกลุ่มสตาร์วูด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงแรมและสันทนาการในระดับโลก โดยสตาร์วูด เป็นผู้บริหารโครงการโรงแรมและที่พักอาศัยแห่งใหม่ของบริษัท ภายใต้แบรนด์ เซ็นต์รีจิส (St. Regis) ซึ่งประกอบด้วยห้องพักของโรงแรมจำนวน 198 ห้อง เซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ 22 ห้อง และ เรสซิเดนท์เชียล 71 ห้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2553
บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) เป็นบริษัทผู้นำในธุรกิจอาหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ประกอบไปด้วยร้านอาหารจำนวนสาขาทั้งหมด 649 สาขา ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะพิซซ่า สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เลอร์ แดรี่ควีน เบอร์เกอร์คิง และเลอแจ๊ซ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในธุรกิจโรงแรมซึ่งประกอบด้วย 15 โรงแรม และห้องพักประมาณ 2,300 ห้อง ภายใต้เครื่องหมายการค้า แมริออทส์ โฟร์ซีซั่นส์ อนันตรา และในเครือไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล ทั้งในประเทศไทย มัลดีฟส์ และเวียดนาม ในขณะเดียวกันบริษัทเป็นพันธมิตรกับ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมลงทุนในการสร้าง Marriott Vacation Club Time Share ที่ภูเก็ต จำนวน 144 ห้อง นอกจากนี้ MINT ยังเป็นผู้ให้บริการด้านสปาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โดยมีสถานบริการมากกว่า 20 แห่ง ในประเทศไทย จีน และประเทศแถบตะวันออกกลาง ภายใต้เครื่องหมายการค้ามันดารา เดอะ สปา และอนันตรา รายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.minornet.com
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
Pratana Manomaiphiboon /
Prapharat Tangkawattana /
Jim Fralick at Tel: (662) 381-5151
Minor International PCL
99 Berli Jucker Building
17Fl., Soi Rubia, Sukhumvit 42 Rd.,
Bangkok 10110, Thailand
DID: + 66 2 365 7636
Tel: +66 2 381 5151 ext 7636
Fax: +66 2 3815137