กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
ลีสซิ่งกสิกรไทยก้าวสู่ปี 2554 อย่างแข็งแกร่ง พร้อมประกาศการเติบโตทางธุรกิจถึง 19.51 % ขยายยอดสินเชื่อเช่าซื้อ/ลีสซิ่งรถยนต์และสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์มูลค่ารวมกว่า 43,304 ล้านบาท ภายใต้การทำงานแบบเครือธนาคารกสิกรไทย เพื่อตอบโจทย์บริการการเงินแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ
นายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2553 ยอดขายรถยนต์ทั่วประเทศมีการเติบโตสูงถึง 45.82% จึงทำให้ผลดำเนินงานของ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ในปี 2553 ที่ผ่านมา ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยบริษัท ฯ มียอดปล่อยสินเชื่อรวมที่ 41,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึง 33.31 % โดยในจำนวนนี้เป็นยอดสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่ง (Hire Purchase Fleet) จำนวน 27,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.69%
ส่วนยอดสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (Floorplan) ของลีสซิ่งกสิกรไทย ในปี 2553 อยู่ที่ 14,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 71.26 % ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดที่เติบโตขึ้นมากส่งผลให้ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ทั่วประเทศมีการสต็อกรถยนต์เพิ่มมากขึ้นโดยปริยาย โดยยอดรวมสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งกับสินเชื่อเพื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ อยู่ที่ 41,616 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 7,654 ล้านบาท
สำหรับยอดสินเชื่อคงค้างในระบบ (Outstanding Loan) ณ ปัจจุบัน มีมูลค่ากว่า 53,908 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2552 ประมาณ 23.6 % โดยเป็นสินเชื่อที่ไม่เกิดให้ก่อรายได้ (NPL) อยู่ที่เพียง 1.12% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก ส่วนผลกำไรสุทธิมีมูลค่าสูงถึง 393 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63.15% เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรที่ได้ในปี 2552
ในปี 2554 ลีสซิ่งกสิกรไทยตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อรวม 43,304 ล้านบาท โดยเป็นการขยายตัวจากการให้สินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์ ผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์กสิกรไทย (K-Auto Finance) สินเชื่อรถยนต์เพื่อเงินสดกสิกรไทย (K-CAR to CASH) และ ผลิตภัณฑ์ลีสซิ่งรถยนต์ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 32,954 ล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าเติบโตจากปี 2553 ประมาณ 19.51% และสินเชื่อเพื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (K-Dealer Floorplan) คิดเป็นมูลค่า 10, 350 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าผลกำไรที่ 472 ล้านบาท
ในปี 2554 บริษัทลีสซิ่งกสิกรไทย มีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่โดยเป็นสินเชื่อ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าผู้ต้องการเงินสดไว้ใช้จ่ายที่ไม่ต้องการโอนทะเบียนรถยนต์ ซึ่งลูกค้ายังสามารถครอบครองและใช้รถยนต์ได้เหมือนเดิม และมีโครงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ร่วมกับเครือธนาคารกสิกรไทย เพื่อให้บริการทางการเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มมากที่สุด และสร้างความเชื่อมั่นและพึงพอใจในบริการผ่านผลิตภัณฑ์อันหลากหลายแก่ลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีโครงการเปิดศูนย์บริการธุรกิจเพิ่มเติมที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อครอบคลุมความต้องการของลูกค้าภาคใต้ จากปัจจุบันที่มีศูนย์บริการธุรกิจ 17 แห่ง
นอกจากบริการทางการเงินแล้ว บริษัท ฯ ยังให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายและกิจกรรมทางการตลาด อาทิเช่น กิจกรรมสร้างความบันเทิงต่างๆ พร้อมเปิดตัวฟังชั่นใหม่ของเว็บไซต์ K Auto Smiles Club คือ KL Membership โดยลูกค้าสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะของสินเชื่อเช่าซื้อของตัวเองได้ ผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวอย่างรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง
นายอิสระ กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย ยังคงให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจโดยตั้งใจเป็นบริษัทชั้นนำที่ให้บริการสินเชื่อที่เกี่ยวกับรถยนต์ ที่เน้นพัฒนาคุณลักษณะที่มีคุณค่าและมอบสิทธิประโยชน์อันสูงสุดทางด้านบริการการเงินแบบครบวงจรต่อลูกค้า และบริษัทฯได้ทำการปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศไทยในปี 2554 ที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะมียอดขายรถยนต์ภายในประเทศจะขยายตัว 5 - 10 % จากปี 2553 โดยมีแรงหนุนหลักจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่รถยนต์ประเภทอีโคคาร์ที่จะมีการเติบโตขึ้นมาก ทั้งนี้เชื่อว่าแนวโน้มสินเชื่อเช่ารถยนต์ในปี 2554 ว่าจะมีโอกาสขยายตัว ซึ่งจะสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจของลีสซิ่งกสิกรไทยได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
ส่วนประชาสัมพันธ์ ธนาคารกสิกรไทย
1 ซอยกสิกรไทย ราษฎร์บูรณะ
กทม.10140
โทร.0 2470 2653-8