กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น (NYSE:EMC) ผู้นำระดับโลกด้านการจัดเก็บและการจัดการข้อมูล รายงานยอดรายได้ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์และกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสที่ 4 และปีงบประมาณ 2549 โดยอีเอ็มซีมีรายได้เพิ่มขึ้นแบบปีต่อปีในอัตราเลขสองหลัก 14 ไตรมาสติดต่อกัน ด้วยรายได้และกำไรที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
รายได้โดยรวมสำหรับไตรมาสที่ 4 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอยู่ที่ 3,215 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับรายได้ 2,710 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2548 และสูงกว่า 55 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับตัวเลขรายได้ในไตรมาสที่ 4 ตามที่อีเอ็มซีคาดการณ์ไว้ในช่วงเดือนตุลาคม 2549
กำไรสุทธิตามหลักการบัญชี GAAP สำหรับไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 อยู่ที่ 389 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.18 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง 0.06 ดอลลาร์ต่อหุ้น สิทธิประโยชน์ทางภาษี 0.05 ดอลลาร์ต่อหุ้นสำหรับปีก่อนหน้านี้ และสิทธิประโยชน์ทางภาษี 0.02 ดอลลาร์ต่อหุ้นสำหรับสามไตรมาสแรกของปี 2549 หากไม่รวมรายการเหล่านี้ กำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 ก็จะอยู่ที่ 0.17 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่า 0.02 ดอลลาร์เมื่อเทียบกับตัวเลขที่อีเอ็มซีคาดการณ์ไว้ในช่วงเดือนตุลาคม 2549 กำไรสุทธิตามหลัก GAAP สำหรับปี 2548 อยู่ที่ 148 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.06 ดอลลาร์ต่อหุ้น
รายได้โดยรวมสำหรับปีงบประมาณ 2549 ของ EMC สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอยู่ที่ 11,155 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับรายได้ในช่วงปีงบประมาณ 2548 ซึ่งอยู่ที่ 9,664 ล้านดอลลาร์
กำไรสุทธิตามหลัก GAAP สำหรับปีงบประมาณ 2549 อยู่ที่ 1,220 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.54 ดอลลาร์ต่อหุ้น หากไม่รวมรายการพิเศษที่ระบุไว้ด้านล่างนี้ กำไรต่อหุ้นสำหรับปี 2549 อยู่ที่ 0.54 ดอลลาร์เช่นกัน ส่วนกำไรสุทธิตามหลัก GAAP สำหรับปี 2548 อยู่ที่ 1,130 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.47 ดอลลาร์ต่อหุ้น หากมีการปรับเปลี่ยนรายการพิเศษในช่วงทั้งสองปี และมีการออกออปชั่นหุ้นในปี 2548 กำไรต่อหุ้นก็จะอยู่ที่ 0.54 ดอลลาร์ในปี 2549 เพิ่มขึ้น 35% จากกำไรต่อหุ้น 0.40 ดอลลาร์ในปี 2548
ดร.ธัชพล โปษยานนท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยบริษัท อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า “อีเอ็มซีมีผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งส่งผลดีต่อผลประกอบการของปี 2549 โดยรายได้ของเราเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอัตราเลขสองหลักเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน และเราพร้อมที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2550”
“อีเอ็มซีเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศระดับชั้นนำของโลกเพียงไม่กี่รายที่องค์กรต่างๆ ทั่วโลกไว้วางใจให้ทำหน้าที่จัดหาโซลูชั่นเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต” ดร.ธัชพลกล่าวเพิ่มเติม “เราทุ่มเทความพยายามในการ
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่า เราเริ่มต้นปี 2550 ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีที่หลากหลาย รวมถึงกลยุทธ์ที่เหมาะสม และที่สำคัญที่สุดก็คือ ความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้สำหรับการแก้ไขปัญหาที่มีความสำคัญมากที่สุด ซึ่งทำให้เราสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดที่มีมูลค่าสูงถึง 60,000 ล้านดอลลาร์”
ในช่วงไตรมาสที่ 4 อีเอ็มซีมีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลักสำหรับระบบ ซอฟต์แวร์ และบริการทั้งหมด และในภูมิภาคที่สำคัญทั้ง 4 ภูมิภาค โดยรายได้จากระบบของอีเอ็มซีเพิ่มขึ้น 12% ในขณะที่รายได้จากลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์และบริการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้น 27% และรายได้จากบริการระดับมืออาชีพ บริการบำรุงรักษาระบบ และบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2548 รายได้รายไตรมาสจากอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้น 18% ในขณะที่รายได้จากยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเพิ่มขึ้น 22% ส่วนรายได้จากละตินอเมริกาเพิ่มขึ้น 14% และรายได้จากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่นกลับมาเติบโตในอัตราเลขสองหลักอีกครั้ง โดยเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2548
เมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 4 อีเอ็มซีมีเงินสดและเงินลงทุนอยู่ที่ 5,600 ล้านดอลลาร์ โดยในช่วงปี 2549 อีเอ็มซีได้ใช้เงินลงทุนประมาณ 3,800 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อคืนหุ้นของอีเอ็มซีมูลค่า 302 ล้านดอลลาร์ และไถ่ถอนหุ้นกู้แปลงสภาพ 125 ล้านดอลลาร์
ดร.ธัชพลกล่าวเสริมว่า “เมื่อพิจารณาธุรกิจโดยรวมแล้ว เรารู้สึกพึงพอใจกับผลประกอบการในช่วงไตรมาสนี้ กล่าวคือ เรามีรายได้และกำไรเพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มธุรกิจทั้งสี่กลุ่ม และมีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลักในภูมิภาคสำคัญๆ ทั้ง 4 ภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ธุรกิจของเราจึงพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในปี 2550 เพราะเราตอบสนองความต้องการด้านไอทีของลูกค้าในส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุด”
เหตุการณ์สำคัญในช่วงไตรมาสที่ 4
ธุรกิจการจัดเก็บข้อมูลของอีเอ็มซี ซึ่งประกอบด้วยระบบสตอเรจ ซอฟต์แวร์การจัดการข้อมูล การปกป้องข้อมูล และการจัดการทรัพยากร และบริการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าและบริการระดับมืออาชีพ มีรายได้ 2,670 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากความต้องการที่ต่อเนื่องสำหรับระบบสตอเรจบนเครือข่ายรุ่นใหม่อย่าง EMC CLARiiON CX3 UltraScale และ EMC Symmetrix DMX-3 ในขณะที่รายได้จากซอฟต์แวร์ EMC Rainfinity File Virtualization เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า เนื่องจากองค์กรต่างๆ หันมาปรับใช้ไฟล์เวอร์ช่วลไลเซชั่นเพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการและการใช้ประโยชน์จากไฟล์ข้อมูลและระบบไฟล์แบบ Global File System ส่วนซอฟต์แวร์ EMC Smarts และ EMC NetWorker ได้รับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากลิขสิทธิ์เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอัตราเลขสองหลัก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกค้ามีการปรับใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ของอีเอ็มซีสำหรับการจัดการทรัพยากร รวมทั้งการสำรองและกู้คืนข้อมูลอย่างกว้างขวาง
ธุรกิจการจัดการคอนเทนต์และการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว (Archiving) ของอีเอ็มซี มีรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 203 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2548 อีเอ็มซียังคงขยายความเป็นผู้นำในตลาดการจัดการคอนเทนต์ภายในองค์กร เนื่องจากองค์กรต่างๆ หันมาปรับใช้ซอฟต์แวร์ EMC Documentum เพื่อบริหารจัดการข้อมูลแบบไม่มีการจัดโครงสร้าง (unstructured information) ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายได้จากการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นไตรมาสแรกที่ RSA กลุ่มธุรกิจการรักษาความปลอดภัยของอีเอ็มซี ดำเนินงานครบทั้งไตรมาส อยู่ที่ 114 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับผลประกอบการของบริษัทที่รวมกันเป็นกลุ่มธุรกิจดังกล่าว (RSA Security และ Network Intelligence) ในช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับโซลูชั่นการคุ้มครองตัวตนผู้ใช้ของ RSA โดยเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลเรียกให้ดำเนินการตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้อย่างเข้มงวดสำหรับระบบออนไลน์แบงกิ้ง และความกังวลใจเกี่ยวกับการปลอมบัตรเครดิตและการขโมยตัวตนของผู้ใช้ นอกจากนี้ผลประกอบการดังกล่าวยังชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นภายหลังการควบรวมกิจการ รวมทั้งการตอบรับที่ดีจากลูกค้าสำหรับแนวทางที่มุ่งเน้นข้อมูลของอีเอ็มซีในการคุ้มครองข้อมูลทางด้านธุรกิจให้ปลอดภัย
VMware ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอีเอ็มซี มีรายได้ 232 ล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นไตรมาสที่ 31 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 101% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2548 VMware มีอัตราการเติบโตแบบปีต่อปีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมา ผลประกอบการที่โดดเด่นของ VMware เป็นผลมาจากการที่ลูกค้าปรับใช้ VMware Infrastructure 3 ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2549 การขยายฐานลูกค้าและการเติบโตของ VMware ในช่วงไตรมาสที่ 4 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวส่วนสนับสนุน 64 บิตสำหรับ VMware Infrastructure 3 รวมทั้ง VMware Lab Manager ซึ่งเป็นชุดระบบงานอัตโนมัติสำหรับการปรับปรุงกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ และการเปิดตลาดอุปกรณ์เวอร์ช่วล (Virtual Appliance Marketplace) และโครงการออกใบรับรอง ซึ่งในปัจจุบันนำเสนออุปกรณ์เวอร์ช่วลมากกว่า 380 ชนิด
สำหรับสื่อมวลชน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Local PR agency contact
จตุพร ไตรทาน
บริษัท พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด
Tel: 0-2971-3711
Fax : 0-2521-9030
Email : jatuporn@pc-a.co.th