กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--พม.
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานพิธีเปิด “การประชุมองค์การสวัสดิการสังคมที่มีอาสาสมัครและผู้แทนอาสาสมัครด้านสวัสดิการสังคมทุกประเภท” เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและประสานการดำเนินงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมของอาสาสมัครและองค์การสวัสดิการสังคม ณ ห้องแกรนด์ซี โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสนับสนุนทุกภาคส่วนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม และมีเป้าหมายให้ประชาชนทุกคนได้รับสวัสดิการถ้วนหน้าภายใน พ.ศ.๒๕๕๙ งานอาสาสมัคร เป็นงานเพื่อสาธารณะประโยชน์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร และเป็นส่วนสำคัญที่จะกำหนดทิศทางในการก่อให้เกิดสวัสดิการถ้วนหน้า โดยจากผลการจัดทำบัญชีองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในประเทศไทย ปี ๒๕๕๑ ระบุว่า การทำงานขององค์การไม่แสวงหากำไรและอาสาสมัคร คิดเป็นมูลค่าถึงร้อยละ ๐.๖ ของรายได้มวลรวมประชาชาติ หรือเท่ากับ ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับในประเทศไทย มีจำนวนอาสาสมัครที่เป็นทางการของรัฐและเอกชนกว่า ๖๐ ประเภท รวมประมาณ ๑๐ ล้านราย เฉพาะของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มีอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คน ที่ผ่านมารัฐได้มีการจ่ายค่าตอบแทนให้อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้านเดือนละ ๖๐๐ บาท ประมาณ ๑ ล้านคน และในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ นี้ จะมีการตั้งงบประมาณเป็นค่าแบ่งเบาภาระในการปฏิบัติงานให้แก่อาสาสมัคร ประมาณ ๗,๐๐๐ พื้นที่ตำบลทั่วประเทศ และอยู่ในแผนการดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติในการพิจารณาการดูแลสวัสดิการแก่อาสาสมัครอย่างเป็นระบบ
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า ผู้ที่ทำหน้าที่อาสาสมัคร ควรพึงระลึกถึงข้อปฏิบัติดังนี้ เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพ คือ ๑. การทำงานอาสาสมัครเกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ประชาชน ดังนั้นอาสาสมัครมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการหนุนเสริมองค์ความรู้ในการปฏิบัติงาน ๒. อาสาสมัครจะต้องควบคุมดูแลและพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานของตนเอง ๓.อาสาสมัครต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และรวมกลุ่มกัน เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ๔.อาสาสมัครพึงได้รับการประกาศเกียรติคุณ ยกย่องเชิดชูเกียรติ ซึ่งพม.กำลังรวบรวมรายชื่อบุคคลที่ทำงานด้านสังคม และคัดเลือกเพื่อรับรางวัลเชิดชูเกียรติ โดยจัดทำเป็นโล่ห์และเสื้อสามารถ มอบให้เป็นรางวัลแห่งความดี เพื่อให้เกิดกำลังใจในการทำงานและเป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคมได้ปฏิบัติตาม และ๕.อาสาสมัครพึงได้รับการคุ้มครองดูแลจากหน่วยงานที่จัดให้มีอาสาสมัครและการคุ้มครองจากรัฐ
“ในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และครบรอบ ๑๐ ปี ที่สหประชาชาติกำหนดให้ปี ๒๕๕๔ เป็นปีอาสาสมัครสากล นี้ หวังว่าอาสาสมัครทั้งหลาย จะได้ข้อเสนอแนะแนวทางที่จะช่วยให้การพัฒนาบทบาทอาสาสมัครเจริญรุดหน้า และเป็นแบบอย่างให้กับประเทศสมาชิกในอาเซียนด้วย” นายอิสสระ กล่าว.