กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--ออโต้มีเดีย ไดเรคเตอร์
ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ออโต้มีเดียฯถามผู้ฟังไปว่ามีความพึงพอใจต่อรูปแบบรายการแค่ไหน โดยกำหนดคะแนนไล่จากมากไปหาน้อยคือ5ถึง1 และให้ตอบมาทางSMS4689112 คำตอบส่วนใหญ่เอนน้ำหนักไปที่คะแนนค่อนข้างสูง แต่มีข้อความที่น่าสนใจจากผู้ฟังท่านหนึ่ง คือ ให้คะแนนความพึงพอใจสูง ให้5คะแนน) แต่ขอให้คะแนนต่ำสำหรับการไม่ตอบคำถาม ทีมงานอ่านข้อความแรกๆก็งง แต่ก็พอจะจับใจความได้ว่า คำถามที่ผู้ฟังท่านนั้นส่งมา เราอาจจะตอบไม่ทัน(ณ วันที่ฟังอยู่) แล้วนำไปตอบในวันถัดไป (แต่แกอาจจะไม่ได้ฟัง ซะงั้น) ไม่มีอะไรมากไปกว่านำมาเล่าให้ทุกท่านทราบว่า ออโต้มีเดียฯใยดีผู้ฟังตลอดมา พยายามสร้างสิ่งที่ทุกท่านในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ก็ต้องการ นั่นคือ แฟนพันธุ์แท้ที่เหนียวแน่น คงไม่ต้องอธิบายต่อนะครับว่า สิ่งที่จะได้รับจากแฟนพันธุ์แท้ที่เหนียวแน่นนั้น มีค่ามหาศาล ยิ่งกว่าสินทรัพย์ใดใดที่ทุกธุรกิจพึงมี หากท่านเชื่อบนหลักการที่ว่า ผู้ที่ช่วยสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งได้ดีที่สุดก็คือผู้บริโภคนั้นเอง
ไปติดตามกันครับว่าเนื้อหาล่าสุดที่ออกอากาศไปแล้วนำมาย่อยให้อ่านในที่นี้ มีทีเด็ดอะไรบ้าง ?
?
1. CHEVROLET CRUZE Freestyle Test Drive At Chiang Mai : ในรอบหลายปีที่ผ่านมา รูปแบบการทดสอบรถมักมาในมาดของการขับขี่แบบตามๆกันไป(คาราวาน) แต่ในคราวนี้ เชฟโรเลตกลับเลือกที่จะปล่อยให้สื่อมวลชนได้ใช้สมรรถนะครูซอย่างเต็มที่ ถึงกับมีคำจำกัดความเฉพาะทริปนี้ว่า”ตอบสนองทุกบททดสอบของสื่อมวลชน” เส้นทางทดสอบครั้งนี้ที่เชียงใหม่ลากยาวไปจบที่สะเมิง มีเรื่องที่ออโต้มีเดียฯต่างจากสื่อมวลชนอื่นๆ คือ ได้ทดสอบในรุ่น2.0 DIESEL LTZ และ 1.6 เบนซิน ในขณะที่สื่อฯอื่นๆจะเหมือนกันที่รุ่นดีเซลแต่ตัวเบนซินได้ทดสอบรุ่น1.8 ความรู้สึกหลังการทดสอบ ดังนี้
- รุ่น 2.0 DIESEL LTZ — พระเอกของรุ่นนี้ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล แม้จะเป็นเครื่องเดียวกับที่วางในCAPTIVA แต่เมื่อน้ำหนักตัวเบากว่า อาการกระโจนพุ่งไปข้างหน้าย่อมทำได้ดีกว่า เส้นทางที่ทดสอบเป็นเส้นทางที่พัฒนามาจากทางเดินเท้าในสมัยโบราณก่อนจะมาแป็นทางดำทำให้โค้งไม่รับกับองศาถนน ต้องอาศัยขีดความสามารถในการขับขี่สูง แม้รถจะแรงสมราคาคุย แต่เบรกสั่งได้ เสริมความมั่นใจได้เต็มเปี่ยม ระบบสั่งงานรวดเร็วทันใจกว่ารถทั่วไปถึง50เท่าในชื่อGM LANสมกับสโลแกน Engineer to Response เสน่ห์ที่ยังคงปักแน่นอยู่ในรถยนต์ค่ายนี้มาตั้งแต่รุ่นออพตร้าคือ ช่วงล่างEuro Ride ซึ่งเงียบและหนึบมาก ขณะนั่งในรถไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดีเซลเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสาร ไม่มีเสียงหน้าสัมผัสยางบดถนนมากวนใจ ดูจากวัตถุดิบที่ใช้คือเหล็กกล้าที่มีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งปกติจะอยู่ในรถยนต์ราคา2-3ล้านบาท แต่สำหรับครูซดีเซล เพียงล้านต้นๆเท่านั้น
- รุ่น 1.6 เบนซิน — ต้องเรียกว่าพิเศษเฉพาะ”ออโต้มีเดียฯ”เท่านั้นในทริปนี้ที่ได้จับสมรรถนะในรุ่น1.6 เพราะในโปรแกรมการทดสอบนอกจากเครื่องยนต์ดีเซล2.0แล้ว อีกรุ่นนึงซึ่งอยู่ในลิสต์ที่จัดไว้ให้ทดสอบคือ1.8เบนซิน ครูซ รุ่น1.6เบนซินใช้เครื่องยนต์EcoTech II เป็นการนำเครื่องยนต์ที่มีอยู่เดิมในออพตร้ามาโมดิฟายใหม่ในกระบวนการมาตรฐานของโรงงานจีเอ็ม พัฒนาฝาสูบ ลูกสูบ ECU ทางเดินไอดีทำให้ผันแปรได้ มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ6สปีดพร้อมทริปโทนิค ห้องโดยสารแทบไม่ต่างไปจากรุ่น1.8หรือ2.0ดีเซล รายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้นที่ไมเหมือนเช่น ปุ่มแอร์ดิจิตอล แต่อารมณ์โดยรวมเมื่อเหยียดกายเข้าไปประจำตำแหน่งผู้ขับขี่ ยังคงให้ความรู้สึกสปอร์ตอย่างที่เชฟโรเลตสื่อสารออกมา ความคุ้มค่าสำหรับผู้ซื้อครูซรุ่น1.6 จะอยู่ที่ความสดใหม่ของบอดี้ ไม่เน้นสมรถถนะการขับขี่ที่ปรี๊ดปร๊าด เบรกสั่งได้ ไม่ต่างจากสองรุ่น1.8และ2.0
2. เปิดโลกHYBRID by TOYOTA HYBRID System — ตอกย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์โตโยต้าไฮบริดซึ่งอาศัยพลังงานขับเคลื่อนจากสองแหล่งคือ มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ จุดเด่นที่มีอยู่ในรถยนต์ไฮบริดของโตโยต้าคืออาศัยแรงเฉื่อยในการหมุนของล้อในกรณีที่ยกคันเร่งหรือแตะเบรก แปรสภาพกลับมาใช้ในรูปของพลังงานไฟฟ้า และเมื่อจำเป็นต้องหยุดรถ ลดความเร็ว เช่น ถ้าทางข้างหน้ากำลังจะเจอกไฟแดง สามารถถอนคันเร่งและปล่อยให้รถอาศัยแรงเฉื่อยที่เหลือได้ทันที ต่างกับรถยนต์ทั่วไปที่ใช้เครื่องยนต์ทำงานเพียงอย่างเดียว ที่ถอนคันเร่งเมื่อไหร่ Engine Breakจะหายไป ทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย ตรงกันข้ามกับรถยนต์ไฮบริดในโตโยต้า เมื่อถอนเท้าออกจากคันเร่ง เครื่องยนต์จะหยุดการทำงานทันที แต่มอเตอร์ไฟฟ้ายังทำงานอยู่และทำงานแทนเครื่องยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สิ้นเปลืองน้ำมัน นอกจากนั้น คุณยังสามารถใช้ตำแหน่งเกียร์ B ให้เป็นประโยชน์ได้ในช่วงขณะกำลังจะหยุดรถ เพราะตำแหน่งเกียร์B ทำหน้าที่เหมือนEngine Break และแรงเฉื่อยที่พูดถึงนั้น ยังถูกนำไปเป็นพลังงานไฟฟ้า หรือ เป็นการชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ได้เร็วกว่าปกติอีกด้วย เรียกว่า นอกจากจะประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยลดภาระการทำงานของเบรก
3. เทอร์โบแปรผันในPAJERO SPORTและFORTUNER ต่างกันยังไง — โดดเด้งที่สุดแล้วในขณะนี้ในตลาดPPV จากสองค่าย เมื่อมิตซูบิชิจับเทอร์โบแปรผันใส่เครื่องยนต์2.5 เหลียวมองกลับไปดูโตโยต้าที่จับใส่ไปแล้วล่วงหน้าเป็นปีปี มีข้อแตกต่างกันอย่างไร ออโต้มีเดียฯนำมาประกบคู่ดูรายละเอียดกันเน้นๆหน้าไมค์
- PAJERO SPORT 2.5 VG Turbo — ประสบความสำเร็จเกินคาดด้วยยอดขายอันดับสองในSegment PPvเมื่อปี2010 แซงMU7 เปิดศักราชปีกระต่ายไม่รอช้า พาเครื่องยนต์2.5พ่วงเทอร์โบแปรผันกึ่งไฟฟ้า เริ่มทำงานที่1800รอบ เป็นการทำงานแบบกึ่งไฟฟ้า ECUต้องสั่งผ่านVacumnไปเปิดกระเดื่องไฟฟ้าเพื่อกระตุกให้ครีบรีดอากาศ อินเตอร์คูลเลอร์วางด้านหน้า ได้เปรียบที่รอบต่ำ การระบายความร้อนจะดีกว่าแบบที่วางด้านบน
- FORTUNER 2.5 VN Turbo — ยืนบนแท่นแชมป์จนเมื่อขามายาวนานทั้งตลาดปิคอัพและต่อยอดมาถึงPPV ระบบเทอร์โบแปรผันแบบไฟฟ้าเต็มขั้น เริ่มทำงานที่1300รอบ เรียกว่ามาเร็วกว่าปาเจโร่สปอร์ต ECUสั่งปั๊บ สามารถดึงครีบผันแปรได้โดยตรง อินเตอร์คูลเลอร์วางอยู่ด้านบนฝาเครื่อง ได้เปรียบที่ความเร็วสูง เพราะมวลอากาศจะหนาแน่นกว่าเมื่อรถวิ่งระยะไกล
เนื้อหาที่ย่อยมานี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ถอดความจากไฟล์เสียงบันทึกรายการซึ่งออกอากาศไปแล้ว นี่เป็นเพียงไฮไลท์เด่นๆเท่านั้นที่ทีมงานคัดเลือกมาถอดความให้อ่านกันผ่านTwittWeekly สามารถสอบถามเรื่องราวหรือหัวข้อที่ท่านสนใจเป็นพิเศษว่าได้ออกอากาศหรือไม่ ได้ที่ทีมงานออโต้มีเดียฯ
- บจก.ออโต้มีเดีย ไดเรคเตอร์ คือผู้ผลิตรายการวิทยุยานยนต์ในภูมิภาคที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า10ปี ออกอากาศผ่านเครือข่าย30สถานีทั่วประเทศ มีชั่วโมงในการออกอากาศข่าวสารยานยนต์มากที่สุดในประเทศ รายการที่ออกอากาศในปัจจุบันครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้ยานยนต์ในวงกว้างทั้งสิ้น 3 รายการ คือ AutoPickUpFM.*, AutoMediaFM.* และ AutoBikeFM.* ผ่านทางเว็บไซต์ www.automediaradio.com
- ต้องการไฟล์เสียงหรือซีดีรายการย้อนหลัง ติดต่อได้ที่คุณอาภาวรรณ ไชยโกมล,คุณกานต์ รัชชะกิตติ หรือ คุณเมธี เตชะชัยวงศ์ 08-1265-9240, หรือแจ้งความต้องการผ่านทางเฟซบุ๊คได้ที่ “ออโต้มีเดีย เรดิโอ”
บริษัท ออโต้มีเดีย ไดเรคเตอร์ จำกัด
252 ซอยนวลจิต ถนนเอกมัย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.10110
*สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย