กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--จีเอ็มเอ็ม ทีวี
(ติดตามชมเทปพิเศษที่นำเสนอภาวะ “โลกร้อน” ได้วันเสาร์ที่ 30 มิย.นี้)
เพราะภาวะโลกร้อน เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายไม่ควรนิ่งนอนใจ เสาร์นี้ (30 มิ.ย.) รายการ “มันแปลกดีนะ” ชวนติดตามเรื่องราวที่เกี่ยวกับภาวะ “โลกร้อน” ที่มานำเสนอในตอนพิเศษ ในหลากหลายแง่มุม ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่สำหรับพิธีกรหน้าตี๋ “กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์” ที่ลงสนามไปพิสูจน์ความจริงบริเวณอ่าวไทย จ.สมุทรปราการ ถึงกับอึ้งและเข้าใจว่าผลร้ายจากภัยธรรมชาติเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด!!
บุกมาเยือนที่วัดขุนสมุทราวาส ตั้งอยู่ ต.แหลมฟ้าผ่า พระประแดง จ.สมุทรปราการ “กฤษณ์” ดั้นด้นค้นหาคำตอบตามคำบอกเล่าของชาวบ้านที่บอกข้อมูลว่า วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2516 แต่เดิมมีพื้นที่กว่า 76 ไร่ ปัจจุบันน้ำทะเลกัดเซาะ และท่วมเข้ามาจนเหลือเพียง 5 ไร่ และไม่มีทางเดิน ถนนถูกตัดขาดจากหมู่บ้าน ต้องใช้การเดินเท้า ระยะทาง 3 กิโลเมตร ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี วัดนี้ถูกน้ำทะเลกลืนกินเข้ามา ท่วมสูงขึ้น เรื่อยๆ จากที่เคยอยู่ห่างจากฝั่ง 10 กิโลเมตร ปัจจุบันกลายเป็นทะเลไปแล้ว โดยเฉพาะในช่วงมรสุม คลื่นซัดกระหน่ำแรงมาก ซึ่งมีภาพที่ได้รับการบันทึกเทปจากพระรูปหนึ่งในวัด ถ่ายพายุขนุน ซึ่งโหมกระหน่ำอย่างหนัก เมื่อวันที 14 กันยายน 2548 ทำให้วัดเสียหายอย่างมาก
สิ่งที่ชาวบ้านและพระในวัดต่างช่วยกัน แก้ปัญหาได้แค่ การสร้างเขื่อนกั้นคลื่นลม ยกพื้นไม้ขึ้นสูง 2 เมตร เพื่อหนีน้ำทะเลที่ท่วม และยกพระพุทธรูป ซึ่งเป็นพระประธานให้สูงขึ้นเช่นกันที่นี่จึงเป็นสิ่งก่อสร้างเพียงแห่งเดียวที่เหลืออยู่ และกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชน ที่แม้แต่น้ำทะเลก็ยังไม่สามารถทำลายได้ ไม่เพียงวัดที่ถูกน้ำท่วม ชุมชนขุนสมุทรจีน ซึ่งเป็นเขตที่ตั้งของวัด ชาวบ้านก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เพราะปัจจุบัน บ้านขุนสมุทรจีน ชุมชนเก่าแก่อายุกว่า 500 ปี ก็กำลังจะจมหายไปไม่ต่างจากวัดนี้
หลังจากที่เดินสำรวจรอบวัดแล้ว “กฤษณ์” เล่าให้ฟังว่า “เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ชุมชนบ้านขุนสมุทรจีน เคยอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นหนึ่งสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนแห่งแรก ๆ ของไทย น้ำทะเลไม่เพียงท่วมผืนแผ่นดิน ต้นไม้ สิ่งก่อสร้าง แต่ยังทำลาย วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ วิถีชิวิตของชุมชนซึ่งถือเป็นว่าเป็นหน้าด่านที่สัมผัสถึงพิษภัยของธรรมชาติก่อนใคร ก็คงเดากันได้ไม่ยากว่า ภาวะโลกร้อนน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อย ๆ ที่นี่ต้องจมน้ำ แล้วกรุงเทพหรือสมุทรปราการจะอยู่ได้อย่างไร และอีกหลายปีข้างหน้า จะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร นี่คือคำถามที่ฝากไว้ให้คิดกันนะครับ หากเราไม่ช่วยกันแก้ไข”
นอกจากจะนำเสนอภาพความหายนะที่เกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อนแล้ว รายการ “มันแปลกดีนะ” ยังตามไปดูวิธีช่วยโลกให้หายร้อน กับเรื่องราวของ ชาวปกากญอร์ หรือชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นคนกลุ่มน้อยของไทย ที่มีสำนึกรักแผ่นดินผืนป่า ที่สำคัญยังมีกุศโลบายช่วยดับโลกร้อน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านง่ายๆ โดยใช้ สายสะดือของเด็กแรกเกิด นำไปมัดกับต้นไม้ ให้เด็กที่เติบโตมาคอยดูแลรักษาต้นไม้ประจำตัวของแต่ละคนอย่างดีที่สุด เรียกว่าเป็นกุศโลบายให้ช่วยกันรักษาต้นไม้นั่นเอง
แถมท้าย “นายเล็ก-ฝันเด่น จรรยาธนากร” พาไปเปิดแปลกต่างแดนที่ประเทศจีน พร้อมเดินทางกว่า 200 กิโลเมตร ผ่านเส้นทางที่ต้องเผชิญกับหุบเขาที่คดเคี้ยวไปมา เพื่อไปสัมผัสดินแดนแห่งอารยะธรรมอันยิ่งใหญ่นับพันปี คือ “หมู่บ้านดินหยงติ้ง” สิ่งก่อสร้างแปลกตาฝีมือมนุษย์ ที่องค์การนาซ่าถึงกับทึ่งและส่งคนมาดูว่าคืออะไร พร้อมชื่นชมว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะในการออกแบบ ที่ไฟไหม้ยังไงก็ไม่ไหม้ทั้งหลัง!! เพราะเป็นความมหัศจรรย์ของสิ่งก่อสร้างรูปทรงกลมแปลกตา ที่มีขนาดมหึมาเท่ากับตึก 5 ชั้น หากนับรวมกันแล้ว อาจมีสมาชิกที่เป็นคนในตระกูลเดียวกัน รวมอยู่ภายในบ้านดินหลังเดียวกัน มากถึง 500 ชีวิต ถือเป็นการใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติสุดๆ แถมยังไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ติดตามเรื่องราวทั้งปัญหาและการหาทางแก้ไข กับเทปพิเศษ “ภาวะโลกร้อน” ได้ในรายการ “มันแปลกดีนะ” วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน 2550 เวลา 14.00 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net