กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--กทม.
เล็งตั้งจุดรวบรวมน้ำมันเหลือใช้ในโรงเรียน กทม.ทั้ง 435 แห่ง เพื่อนำไปทำไบโอดีเซล เป็นพลังงานทางเลือกลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ซ้ำเติมภาวะโลกร้อน พร้อมสำรวจจำนวนรถที่ยังไม่ได้ใช้พลังงานสะอาด ตั้งเป้าลดจำนวนในแต่ละปี โดยดึงเอกชนเป็นแนวรวมจัดเคมเปญดึงดูดเจ้าของรถใช้ก๊าซธรรมชาติ
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการประชุมในหัวข้อ Transport ภายใต้การประชุมสุดยอดผู้นำเมืองใหญ่ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (C40 Large Cities Climate Leadership) ณ นครนิวยอร์ก ระหว่างวันที่ 14-17 พ.ค.50 ว่า ตนได้อภิปรายในหัวข้อดังกล่าวร่วมกับนายกเทศมนตรีเมืองโบโกต้า นายกเทศมนตรีเมืองฟิลาเดเฟีย และผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เซล ปิโตรเลียม โดยเมืองใหญ่ต่าง ๆ กำหนดเป้าหมายการแก้ปัญหาโลกร้อนไปที่การส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก หรือพลังงานสะอาด ในระบบการขนส่ง เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานครที่กำลังพยายามผลักดันให้เกิดพลังงานทางเลือกให้เกิดขึ้นอย่างป็นรูปธรรม รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนใช้พลังงานทางเลือกดังกล่าว เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถยนต์ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 5.5 ล้านคันในกรุงเทพฯ โดยบางส่วนเป็นเครื่องยนต์เก่าที่ก่อให้เกิดปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณสูง อันเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้เริ่มต้นนำร่องโครงการดังกล่าวไว้แล้วในพื้นที่เขตพระโขนง ด้วยการร่วมมือกับปั้มน้ำมันบางจากรับซื้อน้ำมันที่ประชาชนเหลือใช้จากการปรุงอาหาร แทนการน้ำกลับไปทอดอาหารซึ่งเป็นผลเสียต่อสุขภาพ หรือทิ้งลงไปในท่อระบายน้ำซึ่งจะส่งผลต่อการอุดตันของไขมัน กรุงเทพมหานครจะขยายโครงการดังกล่าวให้ครบทั้ง 50 เขตทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ โดยจะตั้งจุดรับซื้อ หรือรับแลกเปลี่ยนน้ำมันเพิ่มขึ้นในโรงเรียน เพื่อให้เด็กนักเรียน ผู้ปกครอง จำนวน 435 โรงเรียน และประชาชนทั่วไปนำน้ำมันที่ใช้แล้วมาขาย อันจะเป็นการปลูกฝังเด็ก เยาวชนให้ตระหนักถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่เชื่อมโยงไปถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และภาวะโลกร้อน ไปพร้อมกัน โดยโครงการนี้ได้รับความสนใจจากผู้แทนเมืองอื่นๆ ที่เข้าร่วมประชุมซึ่งประสบปัญหาเดียวกันด้วย
นอกจากนี้จะผลักดันการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน จุดจอดรถให้เพียงพอ เพื่อจูงใจให้ประชาชนอยากจอดรถส่วนตัวมาใช้ขนส่งสาธารณะ ปั่นจักรยาน หรือแม้กระทั่ง การเดินเท้า เช่นเดียวกับที่เมืองใหญ่หลายๆ เมืองได้ทำประสบความสำเร็จมาแล้ว ซึ่งโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษ Bangkok BRT สายแรกราชพฤกษ์-ช่องนนทรี ที่ กทม.กำลังก่อสร้างระบบอยู่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่จะทำให้ประชาชนมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น ดังกล่าว
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า หลังจากการกลับจากประชุมสุดยอด 40 ผู้นำเมืองในครั้งนี้ จะเร่งสำรวจให้ได้แน่ชัดว่า ปัจจุบันในกรุงเทพฯ มีรถยนต์กี่คันที่ยังไม่ได้ใช้พลังงานสะอาด และจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชน กำหนดแผนปฏิบัติการร่วมกันว่า ในแต่ละปีจะสามารถลดจำนวนรถยนต์ที่ไม่ใช้พลังงานสะอาดได้เท่าไร โดยจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถหันมาใช้พลังงานสะอาด ก๊าซธรรมชาติแทน ในทำนองเดียวกับที่กทม.ร่วมกับภาคเอกชนจัดกิจกรรมแลกหลอดไส้มาเป็นหลอดไฟประหยัดพลังงาน ซึ่งนอกจากจะประหยัดเงิน ประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดการซ้ำเติมภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย