กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--คอร์ แอนด์ พีค
บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ เอชดีเอส ผู้ให้บริการด้านประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลครบวงจรทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเซอร์วิสหรือ เอโอเอส (Application Optimized Storage) และเป็นธุรกิจในเครือของบริษัท ฮิตาชิ จำกัด (ชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์ก: HIT) เปิดเผยผลสำรวจที่ได้จากซีไอโอในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก
ปัจจุบันต้นทุนด้านไอทีกำลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการข้อมูลและสารสนเทศขยายตัวมากขึ้น โดยซีไอโอต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในการพิจารณาการลงทุนด้านไอทีบนฐานของมูลค่าธุรกิจมากกว่าจะอยู่บนฐานของการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่าย (ในอดีต) จึงไม่น่าแปลกใจกับผลการสำรวจที่ได้จากการสำรวจในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการสอบถามซีไอโอ 100 ราย ในจีน ฮ่องกง เกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 64% ตอบว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ผู้ค้าสามารถทำเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของพวกเขาก็คือการสร้างการประเมินผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI Assessment) ด้านสตอเรจของพวกเขา
“แอพพลิเคชั่นและโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมของสตอเรจที่บริษัทต่างๆ ใช้งานอยู่กลายเป็นสิ่งสำคัญของขั้นตอนการดำเนินธุรกิจและการตัดสินใจที่มีผลกระทบต่อการเติบโตและผลกำไรขององค์กร” นายไมเคิล ครีเมน รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าว และว่า “ในเวลาเดียวกัน บรรดาซีไอโอกำลังเจอกับปัญหาที่ต้องคอยหาเหตุผลมาสนับสนุนการลงทุนด้านไอทีของพวกเขา นั่นคือสาเหตุที่บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าของบริษัทเพื่อประเมิน วิเคราะห์ ออกแบบ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมสตอรเจที่เหมาะสมที่สุดตามความต้องการของพวกเขา”
สิ่งสำคัญในปี 2550 : ตอบสนองความต้องการด้านธุรกิจและการจัดการต้นทุน
เรื่องต้นทุนและการจัดการยังคงเป็นความกังวลของกลุ่มผู้นำด้านไอทีภายในองค์กรของภูมิภาคแห่งนี้ ในปี 2550 ผู้ตอบแบบสอบถาม 45% แสดงให้เห็นว่าการลดต้นทุนด้านการจัดการสตอเรจเป็นความท้าทายสำคัญที่พวกเขาต้องการ ขณะที่ 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าโครงสร้างพื้นฐานไอทีของพวกเขาจะช่วยบรรลุความต้องการธุรกิจ และยังเป็นประเด็นหลักที่ต้องให้ความสำคัญในปีนี้ด้วย
ต่อไปนี้เป็นประเด็นธุรกิจบางอย่างที่มีความสำคัญ และซีไอโอพยายามสร้างสมดุลระหว่างความต้องการของพวกเขากับต้นทุนด้านการจัดการ
Business continuity (ความต่อเนื่องทางธุรกิจ): ซีไอโอทุกคนกังวลเรื่องการสูญหายของข้อมูลบริษัท การทำให้แน่ใจได้ว่าไฟล์ทั้งหมดได้รับการสำรองและจัดเก็บอย่างปลอดภัยในตำแหน่งที่แยกส่วนกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง และในปี 2550 สิ่งนี้จะยังคงเป็นความต้องการขององค์กรมากขึ้น เนื่องจากเป็นสิ่งที่จะช่วยให้แผนธุรกิจดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง
Security (ความปลอดภัย): ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมใด การใช้งานแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายของพนักงานบริษัทยังคงมีอยู่ และเป็นหน้าที่รับผิดชอบของซีไอโอที่จะต้องแน่ใจให้ได้ว่าการสนับสนุนข้อมูลของแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ปลอดภัย รวมทั้งสามารถเข้าถึงได้ง่ายเมื่อต้องการใช้งาน ด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัยข้อมูล และค่าปรับสำหรับการจัดการที่ไม่เหมาะสม ผลักดันให้เกิดการสร้างสมดุลระหว่างความปลอดภัยและการใช้ประโยชน์แอพพลิเคชั่นอย่างเหมาะสม
Increase in regulation (การเพิ่มการควบคุม): กฎระเบียบที่บริษัทต้องปฏิบัติตามมีจำนวนมาก ข้อมูลที่กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกขณะจำเป็นต้องได้รับการจัดเก็บที่เหมาะสม และหากทำได้ก็จะช่วยให้บริษัทสามารถจัดการสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของพวกเขาได้
สามปีต่อจากนี้ : การจัดการกับการรวมระบบ (Convergence) และความสามารถในการทำงานข้ามระบบ (Interoperability)
เมื่อบริษัทต่างๆ ยังคงใช้เทคโนโลยีเพื่อให้บรรลุความต้องการของธุรกิจ ดังนั้นสภาพแวดล้อมด้านไอทีของบริษัทจึงยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่ จากผลการสำรวจพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 38% เชื่อว่าการรวมเข้าด้วยกันของเทคโนโลยีจะมีอิทธิพลมากต่อการเติบโตของสตอเรจในอีกสามปีข้างหน้า นอกจากนี้ 39% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าในสามปีข้างหน้า สิ่งที่ซีไอโอจะต้องกังวลมากที่สุดคือการจัดการสภาพแวดล้อมไอทีที่ซับซ้อนมากขึ้นภายใต้การใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุด สิ่งนี้สำคัญต่อการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายจากผู้ค้าที่แตกต่างมากขึ้น พร้อมๆ กับการลดจำนวนทรัพยากรด้านไอทีลงด้วย
นอกจากนี้ 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จของธุรกิจคือความสามารถในการใช้งานข้ามระบบของเทคโนโลยีจากผู้ค้าที่ต่างกัน ขณะที่ 23% คิดว่าการยอมรับแนวคิดการจัดการจากส่วนกลางเช่นเดียวกับโครงสร้างไอทีอนาคตเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเท่าๆ กัน
จะเห็นได้ว่า แนวโน้มของการผนวกกิจการและการเข้าซื้อบริษัทในอุตสาหกรรมจะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องในปี 2550 สิ่งนี้ได้เพิ่มความยุ่งยากใจให้กับซีไอโอเมื่อต้องนำโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่แตกต่างมารวมไว้ด้วยกัน การเลือกใช้ผู้ค้าที่สามารถจัดการกับอุปกรณ์สตอเรจที่แตกต่างกันนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้ และยังช่วยแก้ปัญหาการขาดทักษะด้านไอทีในแผนกไอทีได้ด้วย
บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์
บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ มีแหล่งวิจัยและพัฒนาทั่วโลกที่พร้อมพัฒนาโซลูชั่นระบบบริหารการจัดเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพ ใช้ได้ง่าย และสามารถรองรับการขยายระบบงานเพื่อให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงสุดและช่วยลดความเสี่ยงของลูกค้า จากการที่มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ด้วยการเลือกสรรฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการที่ดีที่สุดจากฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ และพันธมิตร ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าโดยตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของลูกค้าได้
ด้วยพนักงานประมาณ 3,200 คน บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ สามารถผลักดันธุรกิจผ่านทางช่องทางจำหน่ายทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่ ภาครัฐ เอกชน และส่วนอื่นๆ ในกว่า 170 ประเทศ และภูมิภาคต่างๆ ที่สำคัญลูกค้าของบริษัทฯ กว่า 50% อยู่ใน 100 อันดับองค์กรยอดเยี่ยมของนิตยสารฟอร์จูน สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชม ได้ที่เว็บไซต์ www.hds.com
บริษัท ฮิตาชิ จำกัด
บริษัท ฮิตาชิ จำกัด (ชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์ก คือ HIT/ชื่อในตลาดหุ้นโตเกียว คือ 6501) มีสำนักงานใหญ่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำระดับโลก ด้วยจำนวนพนักงานประมาณ 356,000 ราย โดยในปีงบประมาณ 2548 (จนถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2549) บริษัทฯ มียอดขายรวม 9,464 พันล้านเยน (80.9 พันล้านดอลลาร์) บริษัทฯ จัดหาระบบงาน ผลิตภัณฑ์ และบริการที่หลากหลายให้กับหลายภาคธุรกิจในตลาด ได้แก่ ระบบสารสนเทศ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบไฟฟ้าและอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภค บริการด้านการเงินและวัสดุต่างๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของฮิตาชิ สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ http://www.hitachi.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่ม กรุณาติดต่อ:
บริษัท คอร์ แอนด์ พีค จำกัด
ศรีสุพัฒ เสียงเย็น
(662) 439 - 4600
Srisuput@corepeak.com