กรุงเทพฯ--11 ก.พ.--ปูนซีเมนต์นครหลวง
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ได้รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2553 บริษัทฯ มีรายได้สุทธิรวมจากการขาย 5,338 ล้านบาท สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 อยู่ที่ร้อยละ 6.6 เนื่องมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดปูนซีเมนต์ทั้งในประเทศและในตลาดส่งออก แต่ราคาปูนซีเมนต์ในประเทศที่ลดลง ทำให้อัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานลดลงเป็นร้อยละ 15.7 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2553 เปรียบเทียบกับร้อยละ 17.2 ในช่วงเดียวกันของปี 2552 ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้เท่ากับ 571 ล้านบาท ลดลงจาก 704 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2552 ดังนั้น กำไรสุทธิต่อหุ้นจึงเท่ากับ 2.48 บาท เมื่อเทียบกับ 3.06 บาทในไตรมาส 4 ของปี 2552
สำหรับตลอดปี 2553 รายได้สุทธิโดยรวมจากการขาย เพิ่มขึ้นเป็น 20,982 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 จากปี2552 จากการลงทุนด้านการก่อสร้างของภาครัฐภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภาคเอกชน ทำให้อัตราความต้องการปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากปีก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ราคาปูนซีเมนต์ที่ลดลง ทำให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานลดลงเป็นร้อยละ 17.5 จากอัตราร้อยละ 19.7 ในปีก่อนหน้านี้ สำหรับกำไรสุทธิโดยรวมตลอดทั้งปี 2553 เท่ากับ 2,701 ล้านบาท เท่ากับกำไรสุทธิต่อหุ้น 11.74 บาท เปรียบเทียบกับ 2,946 ล้านบาทและกำไรสุทธิต่อหุ้น 12.81 บาท ในปี 2552
ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ประชุมได้ตกลงที่จะจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2553 ที่ 11.00 บาทต่อหุ้น โดยพิจารณาจากกำไรสุทธิต่อหุ้น 11.74 บาท หรือเท่ากับสัดส่วนร้อยละ 94 ของกำไรสุทธิต่อหุ้นสำหรับปีงบประมาณ 2553 เนื่องจากได้มีการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกจำนวน 6.00 บาทต่อหุ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2553 คาดว่าเงินปันผลที่เหลืออีก 5.00 บาทต่อหุ้นจะจ่ายได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2554
สำหรับแนวโน้มในปี 2554 ปูนซีเมนต์นครหลวงคาดว่าตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศจะมีอัตราการเจริญเติบโตประมาณร้อยละ 5 ถึง 10 จากปีที่แล้ว ทั้งนี้สืบเนื่องจากการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ ของรัฐบาล และรายได้ของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงของสภาวะเศรษฐกิจในประเด็นของอัตราเงินเฟ้อ ราคาค่าพลังงานและอัตราดอกเบี้ย
ปูนซีเมนต์นครหลวงยังมุ่งมั่นที่จะลงทุนต่อไปในโครงการที่มีโอกาสเจริญเติบโตในประเทศไทย อาทิ การขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิตปูนสำเร็จรูปมอร์ตาร์ (INSEE Mortar) และการเพิ่มสายการผลิตของโรงงานผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้จริง คอนวูด ทั้งสองโครงการนี้ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2555 นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังติดตามโอกาสการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว และพม่า ซึ่งล้วนมีอัตราการเติบโตของตลาดในอัตราสูง
นอกจากนั้น ปูนซีเมนต์นครหลวง ยังทุ่มเทเต็มที่ในกลยุทธการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีการเปิดตัวโครงการ “โลกน่าอยู่คู่หัวใจสีเขียว” (Green Heart) เริ่มด้วยการรณรงค์ภายในสำหรับกลุ่มพนักงาน และจากนั้นก็ขยายผลออกไปสู่บุคคลทั่วไปในโอกาสต่อมา และเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกและส่งเสริมการศึกษาในกลุ่มเด็กและเยาวชน ปูนซีเมนต์นครหลวงได้ริเริ่มโรงการ “โรงเรียนสีเขียว” (Green School) ซึ่งเป็นโครงการที่ปูนซีเมนต์นครหลวงได้เชิญชวนองค์กรต่างๆ ทั้งในภาครัฐและเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างอาคารให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนใน 3 จังหวัดห่างไกล ในปี 2554 นี้ โครงการ “โรงเรียนสีเขียว” จะขยายต่อไปเพื่อสร้างและซ่อมบำรุงโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั้งสิ้น 9 โรงเรียน ทั้งนี้เพื่อเป็นเฉลิมฉลองวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา หรือ 7 รอบอีกด้วย