กรุงเทพฯ--14 ก.พ.--พม.
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า เทศกาลวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรักที่กำลังจะมาถึง นับเป็นวันที่คนไทยจำนวนมากให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ปัจจุบันพบว่า เด็กและเยาวชนมีพฤติกรรมชิงสุกก่อนห่าม มากขึ้น โดยถือเอาวันวาเลนไทน์ เป็นวันเริ่มต้นที่ทำให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และอาจนำมาซึ่งการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ที่สังคมไทยกำลังประสบปัญหาอย่างมาก กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยศูนย์การเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม ได้ทำการสำรวจข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน พร้อมเตรียมการเฝ้าระวัง ป้องกันและหามาตรการ รวมทั้งแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงวาเลนไทน์ขึ้นทุกปี โดยในวันวาเลนไทน์ปีที่ผ่านมา พบการมีเพศสัมพันธ์ถึง ร้อลยะ ๙.๔ ในจำนวนนี้ จะใช้สถานที่ในบ้าน/ ห้องส่วนตัว ร้อยละ ๘.๘ หอพัก/ ห้องเช่า ร้อยละ ๗.๕ บ้านเพื่อน/แฟน ร้อยละ ๖.๙ นอกนั้นใช้โรงแรมและที่สาธารณะมุมมิดชิด โดยภาพรวมจากการสำรวจของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ในระยะ ๒-๓ ปีที่ผ่านมา พบว่า วัยรุ่นนิยมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหรือคนรักในวันวาเลนไทน์ ถึงร้อยละ ๑๒ โดยใช้สถานที่บ้าน/ห้องส่วนตัว บ้านเพื่อน/บ้านแฟน หอพัก/ห้องเช่า โรงแรม/สถานที่สาธารณะ เช่น สวนสาธารณะ ห้องน้ำ ปั๊มน้ำมัน และกระท่อม ตามลำดับ
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า ในช่วงวันวาเลนไทน์นี้ จึงอยากรณรงค์ให้ทุกภาคส่วน สอดส่องดูแลเด็กและเยาวชนอย่างใกล้ชิด เช่น สถาบันครอบครัว ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานให้อยู่ในสายตา หากิจกรรมสร้างสรรค์ในครอบครัว สถาบันการศึกษา มีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้นักเรียน มีความประพฤติที่เหมาะสม และมีความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งความร่วมมือจากเครือข่ายต่างๆ ที่ต้องทำงานอย่างบูรณาการร่วมกัน ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับหน่วยงานหลักด้านการรายงานสถานการณ์ การแจ้งข้อมูลและการป้องกันในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการเสนอข่าวสารเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อกระตุ้นเตือนและสร้างจิตสำนึก สร้างทัศนคติเชิงบวก เช่น ค่านิยมทางเพศที่ผิดๆ ความฟุ่มเฟือย การให้ความสำคัญกับครอบครัว ที่สำคัญคือเยาวชนซึ่งยังอยู่ในวัยเรียน ควรคำนึงถึงประเพณีไทย รักนวลสงวนตัว ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว หากไปเที่ยวที่ใด ก็ควรมีเพื่อนที่ไว้วางใจได้ไปด้วย ในส่วนของสถานบริการก็ควรดูแล ไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่ากำหนดเข้าไปใช้บริการ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ยังปรากฎว่า มีสถานบริการหลายแห่งที่ลักลอบให้เด็กเข้าไปเพราะหวังผลประโยชน์ทางธุรกิจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควรกวดขันสถานบริการ อย่างจริงจัง ทั้งในเรื่องของเวลาเปิด-ปิด และอายุของผู้เข้าไปใช้บริการด้วย