เอ็มเอฟซีประกาศผลกำไรสุทธิบริษัทโตเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึงร้อยละ 61 พร้อมก้าวสู่ปีที่ 36 ตั้งเป้า NAV โตเป็น 336,000 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 14, 2011 14:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ก.พ.--บลจ.เอ็มเอฟซี บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เผยผลกำไรสุทธิบริษัทโตเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึงร้อยละ 61 พร้อมก้าวสู่ปีที่ 36 เน้นกลยุทธ์หลักสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ “MFC” ให้อยู่ระดับ 1 ใน 3 ที่ลูกค้าอยากลงทุน ทั้งผลงานกองทุนและบริการที่เป็นเลิศ มุ่งเป็นองค์กรห้าดาวที่ลูกค้าพึงพอใจและมีประสบการณ์การลงทุนที่ดี ตอกย้ำเป็นมันสมองทางการลงทุนให้นักลงทุนทุกกลุ่ม ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ปี 2554 เป็น 336,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 จากปี 2553 ซึ่งมี NAV 260,000 ล้านบาท ดร. ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างกำไรสุทธิของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึงร้อยละ 61 กล่าวคือ จากกำไรสุทธิปี 2552 จำนวน 113 ล้านบาทเป็นจำนวน 182 ล้านบาทในปี 2553 และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนทุกประเภทภายใต้การจัดการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2552 คิดเป็นร้อยละ 11 กล่าวคือ จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิปี 2552 จำนวน 235,000 ล้านบาทเป็น 260,000 ล้านบาทในปี 2553 โดยกองทุนรวมภายใต้การจัดการเติบโตเพิ่มร้อยละ 7 จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในปี 2552 จำนวน 150,000 ล้านบาทเป็นจำนวน 161,000 ล้านในปี 2553 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโตเพิ่มร้อยละ 20 จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิปี 2552 จำนวน 61,000 ล้านบาทเป็นจำนวน 73,000 ล้านบาทในปี 2553 และกองทุนส่วนบุคคลเติบโตเพิ่มร้อยละ 13 จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในปี 2552 จำนวน 23,000 ล้านเป็นจำนวน 26,000 ล้านบาทในปี 2553 โดยเอ็มเอฟซีได้เสนอขายกองทุนใหม่ในปีที่แล้ว 33 กองทุน รวมมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 14,536 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดของกองทุนรวมตราสารทุน และกองทุนรวมผสมเป็นอันดับ 1 คิดเป็นร้อยละ 21.68 และ 31.70 ตามลำดับ (ข้อมูลจาก สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ณ 30 ธันวาคม 2553) ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา เอ็มเอฟซีสามารถสร้างผลงานเป็นที่น่าพอใจแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากการจ่ายเงินปันผลรวมกว่า 1,400 ล้านบาทของกองทุนรวม 38 กองทุน ซึ่งกองทุนเปิด Hi-Div เป็นกองทุนที่จ่ายเงินปันผลได้อย่างโดดเด่นให้ผู้ถือหน่วยลงทุนกว่า 148 ล้านบาท หรือ 4.25 บาทต่อหน่วยลงทุน และมีกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ประสบความสำเร็จคืนผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 10 ถึง 8 กองทุน จึงถือเป็นปีทองของกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ที่เอ็มเอฟซีเป็นผู้บุกเบิกแห่งแรกของไทยมานานกว่า 10 ปี นอกจากนี้ ยังมีกองทุนภายใต้การบริหารของเอ็มเอฟซีที่ได้รับรางวัลได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว (MV-LTF) ได้รางวัล Morningstar Awards Thailand 2009 ประเภทกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี-บีทีอินคัมโกรทฟันด์ (M-BT) ได้รางวัลกองทุนผสมที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในระยะเวลา 5 ปี จาก The Post-Lipper Thailand Fund Awards 2010 รวมทั้ง เอ็มเอฟซีได้รับรางวัลประเภทกลุ่มกองทุนผสมยอดเยี่ยมระยะเวลา 3 ปี จาก The Post-Lipper Thailand Awards 2010 อีกด้วย ดร. ณรงค์ชัย กล่าวต่อไปว่า ในโอกาสที่บริษัทได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 36 ในปี 2554 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 336,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 และมีรายได้เพิ่มเป็น 790 ล้านบาท โดยบริษัทจะเน้นกลยุทธ์หลักสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ “MFC” ให้อยู่ระดับ 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรมกองทุนที่มีผู้สนใจลงทุนในกองทุนของเอ็มเอฟซี ตั้งเป้าเป็นองค์กรห้าดาวที่มีคุณภาพ ทั้งผลการดำเนินงานของกองทุนจะต้องดีอย่างสม่ำเสมอ มีการบริหารกองทุนและการบริการที่ดี รวมทั้งความเป็นมืออาชีพของทีมที่ปรึกษาการลงทุนและผู้จัดการกองทุนที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มระดับความพึงพอใจและการมีประสบการณ์การลงทุนที่ดีของลูกค้า โดยตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นมันสมองทางการลงทุนให้กับนักลงทุนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ดร. ศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการกล่าวว่า เอ็มเอฟซีมุ่งสร้างแบรนด์เอ็มเอฟซีให้มีความแข็งแกร่ง เป็นที่จดจำของผู้สนใจ และอยากลงทุน โดยตั้งเป้าอยู่ในระดับ 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรม ด้วยการเพิ่มการใช้สื่อที่เจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะอาชีพ การเน้นสื่อ Social Marketing เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ อย่างแพร่หลายเพิ่มเติมจากลูกค้าปัจจุบันของบริษัท รวมทั้งการเพิ่มระดับความพึงพอใจของลูกค้าและสร้างประสบการณ์การลงทุนที่ดีแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่ความเชื่อมั่นต่อแบรนด์เอ็มเอฟซีในระยะยาว และสามารถบอกต่อความประทับใจประสบการณ์นั้นไปยังบุคคลอื่นต่อไป เอ็มเอฟซีจึงได้นำกลยุทธ์ Customer Centric การคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยมีความมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนระดับ 5 ดาว ซึ่งเอ็มเอฟซีตั้งเป้าหมายไว้ว่า ผลการดำเนินงานของกองทุนทุกประเภทจะต้องรักษาอันดับที่ดีอย่างสม่ำเสมอ กองทุนที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะต้องมีความแตกต่างและเพิ่มมูลค่า (add value) ให้แก่ลูกค้า การพัฒนาระบบบริการที่ทันสมัยสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม การพัฒนาและอบรมคุณภาพทีมงานด้านการตลาดเพื่อยกระดับการให้ความรู้และคำปรึกษาแก่ผู้สนใจลงทุน รวมทั้งการขยายช่องทางการจำหน่ายกองทุนโดยเพิ่มจำนวนผู้วางแผนการลงทุนส่วนบุคคล (IP) จาก 40 รายเป็น 60 ราย และเพิ่มจำนวนผู้แทนจำหน่ายหน่วยลงทุนที่มีคุณภาพ เอ็มเอฟซีจะพัฒนาระบบ Smart Service ได้แก่ Smart Trade, Smart Tele และ Smart Track ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกเวลา และสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้เอ็มเอฟซียังจัดทำ Smart Wealth Magazine ต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ถือหน่วยลงทุน เพื่อมอบสาระความรู้ด้านการวางแผนการลงทุนส่วนบุคคล และเนื้อหาสาระด้านไลฟ์สไตล์ จากแนวคิดการสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน ควบคู่ไปกับการมีสุขภาพที่ดี รวมทั้งการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยจะเพิ่มสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้กับผู้อ่านอีกด้วย และตั้งแต่ปีที่แล้วได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารผ่าน Social Media ผ่านwww.twitter.com/mfcfund และwww.facebook.com/pages/MFC-Asset-Management-Plc/ อีกด้วย ดร. ศุภกรเปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทมีแผนออกกองทุนใหม่ดังนี้ กองทุนรวมตราสารหนี้ 17 กองทุน กองทุนทาร์เก็ตฟันด์ 5 กองทุน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 4 กองทุน ด้าน Private Equity เอ็มเอฟซีได้มีการเตรียมแผนการสำหรับกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ซึ่งเป็นกองทุนที่ระดมทุนจากผู้ลงทุนทั่วไป และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา ท่าอากาศยาน ท่าเรือน้ำลึก โทรคมนาคม ระบบขนส่งทางราง เป็นต้น เพื่อเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องพึ่งพาการกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินกู้ทั้งในและนอกประเทศ ทำให้ไม่เป็นการก่อหนี้สาธารณะ นอกจากนี้ เอ็มเอฟซียังได้เตรียมเพิ่มขนาดของกองทุน Flagship ของบริษัท ดร. ศุภกรกล่าวเสริมว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี เช่น กิจกรรม MFC Fund Family ซึ่งเป็นกิจกรรมไลฟสไตล์ที่ให้ความรู้ เช่น การเขียนพู่กันจีน การถ่ายภาพ ฯลฯ นอกจากนี้ บริษัทจะมีการจัดสัมมนาให้ความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น MFC Finance Forum ทุกไตรมาส งานสัมมนาเพื่อวางแผนก่อนเกษียณอายุ เป็นต้น การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุนผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: คุณสุทรรศิกา คูรัตน์, คุณสุวรรณา ชีวนันทชัย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทร.0-2649-2230, 0-2649-2232

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ