กรุงเทพฯ--15 ก.พ.--IR network
บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL โชว์ผลงานปี 2553 กำไรเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 123.17 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 53.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 129.53 % หลังรายได้ภายในประเทศและต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง "โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์"ประเมินทิศทางธุรกิจปี 2554 ยังเติบโตต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน ด้านบอร์ดฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลเอาใจผู้ถือหุ้นคิดเป็น 42.28% สูงกว่านโยบายจ่ายปันผล ในอัตราหุ้นละ 0.075 บาท กำหนดจ่าย 3 พฤษภาคมนี้
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)หรือ GUNKUL เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดปี 2553 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ว่า บริษัท มีกำไรสุทธิเท่ากับ 123.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.51 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 53.66 ล้านบาท หรือ 129.53 %
สำหรับรายได้รวมสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 เท่ากับ 1,300.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 427.78 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 49 เนื่องจากรายได้จากการขายต่างประเทศ เท่ากับ 606.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 442.61 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 270.10 ขณะที่อัตราส่วนกำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 28.45 เปรียบเทียบกับปีก่อนเท่ากับร้อยละ 25.45 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.78
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และค่าตอบแทนผู้บริหาร รวมเท่ากับ 189.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.65 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.76 ตามรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นตามปกติของธุรกิจ ส่วนต้นทุนทางการเงิน เท่ากับ 6.65 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 5.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.12 ล้านบาท
กรรมการผู้จัดการ GUNKUL กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2554 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือทั้งในส่วนของภาครัฐบาลและภาคเอกชน รวมถึงงานจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการเจรจา และรอการเซ็นสัญญาอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท
"หลังจากที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟสแรกขนาด 3 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการสามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้แล้ว ในส่วนของการเติบโตของธุรกิจเดิม คือ การนำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทำให้เชื่อว่าผลการดำเนินของบริษัทจะเติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้ เห็นได้จากปัจจุบันบริษัทได้ทยอยเซ็นสัญญารับงานอย่างต่อเนื่อง และเตรียมยื่นประมูลอีกจำนวนมาก ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ขนาด 4.4 เมกะวัตต์ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ ซึ่งคาดว่าในเร็วๆ นี้น่าจะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนได้ ส่วนเฟสต่อๆ ไปบริษัทจะเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ ซึ่งคาดว่าน่าจะดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้"
นางสาวโศภชา ต่อในช่วงท้ายว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2554 ยังได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปัน สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2553 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.075 บาท เป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 400 ล้านหุ้น รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 30 ล้านบาท โดยกำหนดให้วันที่ 19 เมษายน 2554 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record date) ที่มีสิทธิรับเงินปันผล และให้รวบรวมรายชื่อตาม ม.225 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยวิธีการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 20 เมษายน 2554 และกำหนดจ่ายเงินปันผลงวดปี 2553 ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2554