วินเทจ (VTE) รุกขยายธุรกิจรับเหมางานวิศวกรรมประกอบอาคาร เตรียม IPO ประเดิมเข้าตลาด mai เป็นรายแรกปีนี้

ข่าวอสังหา Tuesday February 15, 2011 16:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ก.พ.--เพนเน็ตเทรท วินเทจ วิศวกรรม (VTE) ประกาศเดินหน้าขยายธุรกิจเต็มกำลัง เตรียมขายหุ้น IPO เข้าตลาด mai ขยายธุรกิจรับเหมางานระบบวิศวกรรมฯ รองรับตลาดก่อสร้างบูม ผู้บริหารเชื่อมั่นยังเติบโตได้อีกมาก หลังตลาดงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง คุณโสรัจ โรจนเบญจกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วินเทจ วิศวกรรม (VTE) หนึ่งในผู้รับเหมางานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารครบวงจร หรือ MEP (Mechanical, Electrical & Plumbing) ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ก่อตั้งมากว่า 18 ปี ดำเนินธุรกิจรับเหมาเฉพาะด้านการวางระบบ MEP ภายในอาคาร ซึ่งครอบคลุมงานติดตั้งระบบไฟฟ้าและสื่อสาร (Electrical System) งานติดตั้งระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศ (Mechanical System) และระบบประปาและสุขาภิบาล (Plumbing System) ด้วยแนวทางการเป็นผู้รับเหมาที่เน้นการก่อสร้างอย่างมีคุณภาพและดำเนินการได้รวดเร็วตามแผนงาน ทำให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้ควบคุมงานบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่ และเจ้าของโครงการ อันได้แก่ บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมชั้นนำ และหน่วยงานราชการจำนวนมาก ทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด “บริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมประกอบอาคารในอาคารทุกประเภทและเป็นผู้รับเหมาวิศวกรรมอาคารที่ดำเนินธุรกิจบริหารอาคารควบคู่ไปด้วย บริษัทถือเป็นผู้รับเหมาขนาดกลางที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในกลุ่มผู้ควบคุมงานและเจ้าของโครงการ ทำให้บริษัทสามารถเข้าไปประมูลแข่งขันกับผู้รับเหมางานวิศวกรรมประกอบอาคารรายใหญ่รายอื่นๆ ได้” ที่ผ่านมาบริษัทมีผลงานทั้งในด้านงานคุณภาพสูง เช่น โรงแรมเชอราตัน หัวหิน และงานอาคารมาตรวิทยา อาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย เป็นต้น รวมถึงงานก่อสร้างที่จำเป็นต้องใช้เวลาก่อสร้างอย่างเร่งด่วน เช่น โครงการก่อสร้างศูนย์การค้า Home Pro ที่ใช้เวลาก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน เป็นต้น เราเป็นผู้รับเหมาที่ผู้ว่าจ้างเชื่อถือในคุณภาพงานและการส่งมอบงานที่ทันเวลา จากความเชื่อมั่นโดยเจ้าของโครงการทำให้บริษัทมี Backlog สูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยมียอด ณ สิ้น ธค. 2553 เท่ากับ 496 ล้านบาท บริษัทเน้นให้ความสำคัญกับระบบการควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง บริษัทได้ลงทุนในการพัฒนา Software ที่สะท้อนต้นทุนก่อสร้างรวมถึงมีเจ้าหน้าที่บริษัทเข้าตรวจสอบการใช้วัสดุในหน่วยงานอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องตลอดโครงการ ทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทรับเหมาที่มีระบบควบคุมต้นทุนที่ดีที่สุด ดังจะเห็นได้จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับร้อยละ 16-20 ซึ่งนับว่าสูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นโดยทั่วไป ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมา คือในปี 2553 ถือเป็นปีที่ไม่ดีของอุตสาหกรรมก่อสร้าง บริษัทก็ยังมีรายได้ที่เติบโตขึ้นอยู่ที่ 356 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 15.78 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.4% ในขณะที่ในปี 2552 บริษัทมีรายได้รวม 315 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 19.12 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 6.0% ซึ่งถือว่าบริษัทมีอัตรากำไรสูงกว่าอัตรากำไรของบริษัทรับเหมาทั่วไป” นายโสรัจกล่าว “บริษัทมีแผนจะขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนและนักลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 20 ล้านหุ้น หลังเพิ่มทุนแล้วเสร็จทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทจะเพิ่มเป็น 80 ล้านบาท ประมาณเดือนมีนาคมนี้ และคาดว่าจะเป็นบริษัทแรกที่เข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (mai) ในปีนี้ โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน เพื่อเป็นทุนสำรองในการเพิ่มสภาพคล่อง รองรับการขยายตัวของธุรกิจและรับงานโครงการก่อสร้างใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่งานก่อสร้างขยายตัวอย่างมาก ทั้งจากโครงการเมกะโปรเจ็คด้านสาธารณูปโภค เช่นโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ การก่อสร้างอาคารคอนโดมีเนียมและโรงแรมในเขตกรุงเทพ และเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ตลอดจนอาคารห้างสรรพสินค้าต่างๆ และอาคารสำนักงานของหน่วยงานรัฐบาล ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงาน (Backlog) 496 ล้านบาทจากจำนวนกว่า 15 โครงการและคาดว่าจะรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้และบางส่วนในปี 2555-56” คุณพรพิมล ดำรงศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ที่ปรึกษาการเงินของ บมจ. วินเทจ วิศวกรรม กล่าวว่า “บมจ. วินเทจ วิศวกรรมหรือ VTE เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในงานด้านวิศวกรรมระบบ MEP ที่ได้รับความเชื่อถือจากเจ้าของโครงการ ผู้ควบคุมงาน และ ผู้รับเหมาขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีการบริหารกิจการที่มีประสิทธิภาพทั้งในด้านคุณภาพงาน ระยะเวลาก่อสร้างและการควบคุมต้นทุน ทำให้บริษัทได้รับเชิญเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง และการที่บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 16%- 20 % และกำไรสุทธิเฉลี่ย 4-6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ผ่านมา แสดงถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนที่ดีและมีประสิทธิภาพของบริษัท ประกอบกับอุตสาหกรรมก่อสร้างกำลังขยายตัวอย่างมาก จึงเป็นโอกาสให้บริษัทเติบโตทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง และการที่บริษัทมีประสบการณ์โครงการขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมากและเป็นพันธมิตรธุรกิจกับบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่หลากหลายแห่ง ก็เป็นโอกาสให้บริษัทสามารถรับงานเพิ่มได้จำนวนมากและสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างยั่งยืน” ข้อมูลประชาสัมพันธ์ กรุณาติดต่อ บ.เพนเน็ตเทรท จำกัด 02.681.5305-7 กรัณฑฤทธิ / ปนิษฐา / กฤาณากร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ