TCC โชว์ยอดขายพุ่ง 300% ล้างเกลี้ยงขาดทุนสะสม 380 ล้าน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 16, 2011 09:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น โชว์งบปี 53 โดดเด่น รับยอดขายถ่านหินพุ่ง 473 ล้านบาท โต 300% จากปีก่อน ดันกำไรทะลักเพิ่มขึ้นเกือบ 150% ด้านผู้บริหาร “บัณฑิต โชติวรรณพร” ลั่นปีนี้เร่งเดินหน้ารุกธุรกิจเต็มสูบ หลังล้างขาดทุนสะสมหมดเกลี้ยง 380 ล้านบาท มั่นใจปี54 โกยยอดขายไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท พร้อมบอร์ดไฟเขียวเพิ่มทุน 75 ล้านบาท แถมวอร์แรนต์ 120 ล้านหน่วย นายบัณฑิต โชติวรรณพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCC ผู้นำเข้า และจำหน่ายถ่านหิน และแร่ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2553 บริษัทมียอดขาย 473.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 300% จากปีก่อนที่มียอดขาย 118.84 ล้านบาท ส่งผลให้มี กำไรสุทธิประจำปี 2553 26.23 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 150% เมื่อเทียบกับงวดปี 2552 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 59.05 ล้านบาท โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2553 มีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 500% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิเพียง 3 ล้านบาท สาเหตุที่ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากตลอดทั้งปี 2553 บริษัทมีปริมาณยอดขายถ่านหินที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดทั้งปีอย่างต่อเนื่อง 473.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 300% จากปีก่อน เนื่องจากในปลายไตรมาส 3/2552 หลังจากที่บริษัทได้ก่อสร้างโรงงานจัดเก็บและคัดแยกถ่านหินที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี แล้วเสร็จ และเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้หลังจากนั้น ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการขายถ่านหินเพิ่มสูงขึ้นนับแต่นั้นเป็นต้นมา และจากการเร่งทำการค้า และเพิ่มความสามารถในการขายมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตของยอดขายอย่างก้าวกระโดด และมียอดขายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าต้นทุนค่าใช้จ่ายคงที่ต่างๆเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่มีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ และหยุดดำเนินสายงานธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดกำไรทั้งหมดในช่วงปี 2552 เป็นต้นมา โดยให้ความมุ่งมั่นต่อการทำธุรกิจถ่านหินเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ตั้งแต่ต้นปี 2553 จนถึงปัจจุบัน กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนและส่งผลกำไรอย่างต่อเนื่อง และในระหว่างปี 2553 บริษัทได้ทำการลดทุนเพื่อล้างผลขาดทุนสะสม โดยการลดมูลค่าที่ตราไว้ลง (ราคาพาร์) จาก 1.00 บาท เป็น 0.50 บาท ประกอบกับบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรจากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สิ้นปี 2553 นอกจากบริษัทจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 380 ล้านบาทได้จนหมด และพลิกมาเป็นกำไรสะสม ณ สิ้นปีกว่า 13 ล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคตได้อย่างแน่นอน นอกจากนั้น ณ สิ้นปี 2553 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.1 เท่า โดยไม่มีหนี้สินจากการกู้ยืมเงินจากธนาคารมาเพื่อการซื้อขายถ่านหินแต่อย่างใด นายบัณฑิต กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2554 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 100% โดยคาดว่าจะมียอดขายถ่านหินทั้งปีไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากปี 2553 ที่มียอดขายถ่านหินประมาณ 473.41 ล้านบาท โดยเน้นการขยายฐานทั้งลูกค้ากลุ่มใหม่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลักดันให้ลูกค้าเดิม อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมอาหารคนและสัตว์ เป็นต้น มีการสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาเพิ่มขึ้น เนื่องจากที่ผ่านลูกค้าเดิมโดยส่วนใหญ่ยังมีคำสั่งซื้อมาที่บริษัทเพียง 30%-40% ของกำลังการใช้งานจริงของลูกค้า อย่างไรก็ตาม นอกจากการขายปกติดังกล่าวแล้ว บริษัทมีแผนจะจำหน่ายถ่านหินแบบยกลำเรือทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 30% จากยอดขายปกติในแต่ละเดือน และด้วยความสามารถในการขายของบริษัทตลอดทั้งปี 2553 บริษัทยังไม่ได้ใช้กำลังการผลิตอย่างเต็มกำลัง คือบริษัทใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยไม่ถึง 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ดังนั้น บริษัทเชื่อว่าจากปัจจัยภายนอก และภายในดังกล่าวจะช่วยสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น และผลักดันกำไรให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด “ แนวโน้มราคาถ่านหินในปีนี้คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแน่นอน หลังจากที่แหล่งถ่านหินสำคัญๆ ของโลกเริ่มมีปัญหาหลายประการ เช่น เหมืองถล่ม หรืออุทกภัยก็ดี ไม่ว่าจะทั้งใน จีน, ออสเตรเลีย หรือเม็กซิโก ทำให้ประเทศต่างๆ เร่งหันมานำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้น อีกทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นปี ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าวย่อมส่งผลต่อแนวโน้มความต้องการถ่านหินโดยตรง และส่งผลต่อการปรับตัวของราคาถ่านหินที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน” นายบัณฑิตกล่าว นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 ได้อนุมัติออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) จำนวน 75,982,482 หุ้น ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 1 บาท รวมทั้งอนุมัติออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญครั้งที่2(TCC-W2)จำนวน 120,052,321 หน่วย ในอัตรา 1 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1.58 ใบสำคัญแสดงสิทธิ อายุ 7 ปี โดยไม่คิดมูลค่า ทั้งนี้บริษัทจะเปิดให้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวระหว่างวันที่ 22-29 เมษายน 2554 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 โดยจะทำการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 1 มีนาคม 2554 พร้อมทั้งจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี2554ในวันที่ 14 มีนาคม 2554 เวลา 09.30 น. เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย บริษัท มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด ในนาม บมจ.ไทยแคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น : รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ โทร: 02-664-4233 Fax : 02-664-4232

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ