กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--กระทรวงพลังงาน
การประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลอัตราค่าไฟฟ้าและค่าบริการวันนี้ (13 กุมภาพันธ์ 2550) ที่ประชุม ฯ มีการพิจารณาค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติหรือค่าเอฟที ประจำเดือนกุมภาพันธ์ — พฤษภาคม 2550 และมีมติเห็นชอบการเรียกเก็บค่าเอฟทีงวดนี้ลดลง 5 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ลดลงจากรอบที่ผ่านมา (ต.ค. 49 - ม.ค. 50) 78.42 สตางค์ต่อหน่วย เหลือเพียง 73.42 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานเฉลี่ยประมาณ 2.25 บาทต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนจะลดลงจาก 3.03 บาทต่อหน่าย เหลือเพียง 2.98 บาทต่อหน่วย ลดลง 1.65%
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน และในฐานะประธานอนุกรรมการกำกับดูแลอัตราค่าไฟฟ้าและค่าบริการ กล่าวว่า การพิจารณาค่าเอฟทีรอบนี้เบื้องต้นสามารถลดได้ถึง 7.85 สตางค์/หน่วย เนื่องจากการบริหารการใช้เชื้อเพลิงในช่วงเดือนตุลาคม 2549 — มกราคม 2550 มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำและลิกไนต์ต้นทุนราคาถูกเพิ่มขึ้น และการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโรงไฟฟ้าถ่านหินของ บริษัท บีแอลซีพี เพาวเวอร์ จำกัด (BLCP) ทำให้ประเทศลดการใช้เชื้อเพลิงที่มีราคาแพงในการผลิตไฟฟ้า หรือลดการใช้น้ำมันเตาผลิตไฟฟ้าลงได้ 1,140 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินจำนวน 4,200 ล้านบาท นอกจากนี้มาจากราคาเชื้อเพลิง ราคาน้ำมันดีเซล และน้ำมันเตามีแนวโน้มลดลง
อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาถึงภาระดอกเบี้ยและเงินต้นที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการบริหารราคาก๊าซฯ โดยให้ส่วนลดค่าก๊าซธรรมชาติให้ กฟผ. และ IPP ในรอบเดือนตุลาคม 2548 — มกราคม 2549 ที่ผ่านมา จำนวน 6,000 ล้านบาท เป็นเงินที่ประชาชนต้องทยอยจ่ายคืนให้ ปตท. ในช่วงปี 2550 — 2554 ผ่านราคาขายก๊าซฯ ปตท. ให้แก่ กฟผ.
ดังนั้น เพื่อเป็นการจ่ายเงินคืนส่วนลดค่าก๊าซดังกล่าว คณะอนุกรรมการฯ จึงมีมติให้ปรับลดค่าเอฟทีงวดนี้จำนวน 5 สตางค์/หน่วย และนำเงินส่วนเหลือ 2.85 สตางค์/หน่วย หรือประมาณ 1,270 ล้านบาท ไปจ่ายคืนเงินต้นส่วนลดค่าก๊าซฯ ให้กับ ปตท. ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ไฟฟ้าให้ชำระเงินได้เร็วขึ้น
“การประชุมครั้งนี้ ยังได้พิจารณาค่าเอฟทีงวดหน้าเดือนมิถุนายน - กันยายน 2550 พบว่าการคำนวณค่าเอฟทีเบื้องต้นอาจมีการปรับขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำน้อยลงทำให้ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำได้มากเหมือนช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ก็ต้องขอให้ประชาชนทุกคนช่วยกันประหยัดการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อเป็นการลด ค่าไฟฟ้าให้กับตนเอง ซึ่งวิธีประหยัดไฟฟ้าง่ายๆ เช่น ไม่เสียบปลั๊กไฟทิ้งไว้ การเปิดอุณหภูมิแอร์ 25 องศา การใช้ไฟฟ้าเท่าที่จำเป็นไม่ใช้ก็ปิดไฟ เป็นต้น” นายณอคุณ กล่าว