กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--Frost & Sullivan
แม้ว่าปีที่ผ่านมา หลายธุรกิจจะต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจต่างๆ แต่ธุรกิจเอทีเอ็มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังดำเนินไปได้ด้วยดี เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคและปริมาณผู้ใช้บริการเอทีเอ็มได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นจำนวนมาก ประกอบกับนโยบายจากภาครัฐในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย หรือประเทศไทย ต่างก็ส่งผลให้เกิดการเติบโตของธุรกิจเอทีเอ็มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
มร. ดีฟยา สายปราสาท บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลกกล่าวว่า ปัจจุบัน ผู้ผลิตเครื่องเอทีเอ็ม กำลังมองหาที่ให้บริการที่มุ่งเน้นมูลค่ามากกว่าการใช้งานเพียงแค่ด้านการเงินการธนาคารเพียงอย่างเดียว
“NCR & Diebold ได้เปิดตัวเครื่องเอทีเอ็มที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับผู้พิการทางสายตา ณ เมือง มุมไบ ประเทศอินเดีย นอกจากนี้ ผู้ผลิตเครื่องเอทีเอ็มยังได้เริ่มที่จะขยายกลุ่มเป้าหมายและติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มไปยังประชากรในต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น ในปีที่ผ่านมา คาดว่าธุรกิจนี้มีรายได้ประมาณ 2.18 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าตลาดนี้น่าจะมีการเติบโตได้อีกใน 5-7 ปีข้างหน้า โดยการเติบโตดังกล่าวหลักๆจะอยู่ในประเทศจีน อินเดีย ประเทศไทย และอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรรวมกันประมาณ สามพันล้านคน” มร. ดีฟยา กล่าว
ในแง่ของอุตสาหกรรม ผู้บริโภคมีความต้องการการบริการด้านต่างๆจากเครื่องเอทีเอ็ม นอกเหนือไปจากการเบิกถอนเงินสดเพียงอย่างเดียว
“ภูมิภาคเอเชียมีความต้องการตู้เอทีเอ็มเป็นอย่างมากเนื่องจากปัจจุบันธนาคารต่างๆได้เริ่มตระหนักถึงความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการเบิกเงินสด รวมถึงบริการอื่นๆที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในโลกปัจจุบันเวลาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก ผู้ใช้บริการคาดหวังว่าตู้เอทีเอ็มจะกลายเป็นธนาคารสาขาขนาดเล็ก ในรูปแบบของคีออส และสามารถให้บริการอื่นๆ อาทิ การสั่งซื้อของ การชำระเงิน หรือแม้กระทั่งการชาร์จไฟให้โทรศัพท์มือถืออีกด้วย ” มร.ดีฟยาให้ความเห็น
นอกจากนี้ มร.ดีฟยายังกล่าวว่า ความต้องการของผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธนาคาร เนื่องจากเทคโนโลยีต่างๆที่ธนาคารนำมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้านั้น สามารถทำประโยชน์อื่นๆให้กับลูกค้าได้อีก อาทิ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยเพิ่มรายได้ เป็นต้น
โดยในปี 2554 คาดว่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมการเงินและการธนาคารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งแนวโน้มนี้น่าจะมีส่วนในการผลักดันตลาดเอทีเอ็มได้ โดยคาดว่าตลาดเอทีเอ็มจะมีมูลค่าถึง 2.23 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปีนี้ โดยมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.4 และภายในสิ้นปี 2558 จะมีมูลค่าถึงประมาณ 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีการติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มประมาณ 1.5 — 2 ล้านเครื่องภายในสิ้นปี 2558?
?
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 630 1734 Frost & Sullivan