กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--อาร์ค เวิลด์ไวด์
คุณพ่อคุณแม่ ที่มีลูกน้อยอยู่ในวัย 2 - 3 ขวบ และมีโอกาสได้เห็นพัฒนาการด้านต่างๆ ลูกน้อย เช่น สามารถนับเลขได้ สามารถ matching บล็อกไม้ให้ถูกต้องตามรูปทรงเรขาคณิต ก็อาจรู้สึกภูมิใจในความสามารถของลูกน้อย แต่คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าลูกน้อยของคุณยังสามารถพัฒนาศักยภาพไปได้อีกระดับที่เรียกว่า “ความฉลาดระดับสูง”
ความฉลาดระดับสูงเกิดจากกระบวนการเรียนรู้อันประกอบไปด้วย สมาธิ ความจำ การคิดวิเคราะห์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในสมองส่วนหน้า มีบทบาทในการควบคุมความสนใจ การดึงข้อมูลที่บันทึกไว้ ความมีเหตุผล การสลับสับเปลี่ยน รวมไปถึงการวางแผนและตัดสินใจ สามารถประมวลผลข้อมูลเพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ซับซ้อน เช่น ความเข้าใจด้านภาษา การมีเหตุผล และการแก้ปัญหา คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตุความฉลาดระดับสูงของลูกน้อยจากสถานการณ์ง่ายๆ เช่น ให้ลองยื่นดินสอสีเทียนให้ลูกน้อยและขีดเขียนให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง เมื่อลูกน้อยจะเกิดการเรียนรู้ว่าการนำดินสอสีเทียนกดลงไปบนกระดาษจะทำให้เกิดสีออกมา จากนั้นให้คุณพ่อคุณแม่ลองเปลี่ยนจากสีเทียนเป็นปากกาลูกลื่น และให้คุณพ่อคุณแม่กดที่หัวปากกาให้ปลายปากกายื่นออกมา แล้วลองยื่นปากกาให้ลูกน้อย หากลูกน้อยรู้จักวิธีแก้ปัญหาโดยการกดหัวปากกาขีดเขียนออกมาได้ นั่งแสดงให้เห็นว่า ลูกน้อยสามารถจดจำสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สาธิตให้ดู และคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาได้
ซึ่งจุดเริ่มต้นของความฉลาดระดับสูงเกิดขึ้นที่สมอง เพราะมีหน้าที่ควบคุมกลไกการทำงานของอวัยวะต่างๆ อารมณ์ความรู้สึก และกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ สมองประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ สมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง และสมองส่วนท้าย แต่สมองส่วนที่มีความสำคัญต่อการเพิ่มศักยภาพสมองของลูกน้อยนั่นเกิดขึ้นที่ ‘สมองส่วนหน้า’ เป็นส่วนที่มีความสำคัญมาก เพราะถือเป็นส่วนที่มีผลเกี่ยวข้องกับความสามารถทางสติปัญญาระดับสูง เปรียบเสมือนสมองส่วนผู้บริหาร (Executive Brain Function) ทั้งยังเป็นศูนย์กลางด้านความฉลาดระดับสูงหรือความฉลาดทางสติปัญญาที่มีผลต่อการคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งจะมีการพัฒนาการอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเด็กในวัยแรกเกิดถึงอายุ 3 ขวบปี
ล่าสุดทางเอนฟาโกร เอพลัส ยังได้แนะนำสูตรลับ “กระบวนการเพิ่มพลังสมอง” ของลูกน้อยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมพัฒนากระบวนการเรียนรู้ในด้านสมาธิ ความจำ การคิดวิเคราะห์ ที่นำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของสมองของลูกได้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น
1. สมาธิ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่สังเกตุว่าลูกสนใจอะไรเป็นพิเศษ แล้วปล่อยให้ลูกได้คลุกคลีกับสิ่งนั้นๆ เช่น ลูกชอบวาดรูประบายสี คุณพ่อคุณแม่อาจจัดหาดินสอสีและวาดให้ดูเป็นตัวอย่าง แล้วปล่อยให้ลูกวาดเลียนแบบตาม ลูกจะเกิดสมาธิจดจ่ออยู่กับการควบคุมกล้ามเนื้อมือให้ขีดเป็นเส้น หรือมุ่งมั่นอยู่กับการระบายสีเพื่อไม่ให้เกินขอบ
2. ความจำ คุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยให้ลูกได้มีโอกาสแสวงหาคำตอบด้วยตนเอง เช่น คุณพ่อคุณแม่คว่ำถ้วยสีทึบจำนวน 3 ใบแล้วครอบของเล่นให้ลูกเห็น ค่อยๆเลื่อนถ้วยทั้ง 3 สลับที่กันช้าๆ และให้ลูกบอกว่าของเล่นอยู่ใต้ถ้วยไหน วิธีนี้ลูกจะได้เรียนรู้ทักษะการสังเกต จดจำ และการคิดจนสามารถรู้ว่าของเล่นอยู่ที่ไหน
3. การคิดวิเคราะห์ คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้โดยส่งเสริมให้ลูกเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคตั้งแต่ยังเด็กด้วยวิธีการง่ายๆ โดยคุณพ่อคุณแม่ใช้ของเล่นหลอกล่อให้ลูกเข้ามาหยิบ แล้วเมื่อลูกจะเอื้อมถึงจึงขยับของเล่นให้ไกลขึ้น หรือใช้แขนกั้นของเล่นไว้เพื่อให้ลูกไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ทั้งนี้เพื่อให้ลูกเรียนรู้ถึงวิธีแก้ปัญหาและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในกิจวัตรประจำวันได้ เช่น การผูกเชือกรองเท้า การแต่งตัวเอง การแปรงฟันเอง เป็นต้น
นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถสนับสนุนศักยภาพเพิ่มพลังสมองของลูกน้อยได้อย่างง่ายๆ หลายวิธี ด้วยกิจกรรมสนุกๆ ที่ช่วยกระตุ้นฝึกสมาธิ ความจำ และการแก้ปัญหา อย่างเช่น คุณพ่อคุณแม่อาจจะชวนลูกเล่นบล็อกไม้หรือจิ๊กซอว์ ของเล่นที่มีรูปทรงปลายเปิดหลากหลายรูปแบบ เช่น ทรงกลม ทรงเหลี่ยม ฯลฯ ที่จะช่วยให้ลูกได้ใช้สมอง ความคิด และช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาต่างๆ ของเด็ก ที่จะต้องเล่นเกมนั้นให้สำเร็จ หรือคุณพ่อคุณแม่จะปล่อยให้ลูกเล่นกล่องหยอดรูปทรง ซึ่งเป็นของเล่นที่เน้นการเสริมสร้างพัฒนาการด้านสมาธิ ความจำ และการแก้ปัญหาในการแยกแยะรูปทรง ไม่ว่าจะเป็นสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลม หรือจะเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ซึ่งนอกจากเด็กจะได้รับความสนุกสนานแล้ว ยังช่วยให้เด็กรู้จักแก้ไขปัญหาเบื้องต้นว่าต้องทำอย่างไรเพื่อเล่นให้สำเร็จ และกิจกรรมอย่างสุดท้ายที่คุณพ่อคุณแม่จะพลาดไม่ได้คือ กิจกรรมวาดรูป เพราะศิลปะนอกจากจะเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกายให้กับเด็กแล้ว ยังเป็นการฝึกให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ หาข้อบกพร่องและแก้ไขปัญหาที่หลากหลาย เพราะช่วงเวลาที่ลูกกำลังวาดรูปจะเป็นช่วงเวลาที่สมองกำลังรวบรวม สรรหา เกิดการพัฒนาในเรื่องความจำ เพราะการวาดภาพให้สำเร็จสักรูปนั้น เด็กๆ จะต้องใช้ความคิดและจินตนาการมากมาย
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ โภชนาการที่ดี ซึ่งโภชนาการที่มีประโยชน์และมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยคือ ดีเอชเอ ที่เป็นสารอาหารที่มีผลต่อการพัฒนาสมอง มีส่วนช่วยให้ลูกมีสมาธิ ความจำและการคิดวิเคราะห์ ดีเอชเอเป็นสารอาหารที่พบมากในอาหารประเภทปลาทะเล อาทิ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาโอลาย เป็นต้น พบว่าเด็กที่ได้รับสารดีเอชเอในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยให้การทำงานของสมองส่วนหน้าทำหน้าที่ควบคุมการเรียนรู้ การคิด สมาธิ ความจำ และการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ดีเอชเอยังมีสารอาหารอื่นๆที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาสมอง ไม่ว่าจะเป็นโคลีนซึ่งเป็นสารที่ช่วยสร้างสื่อสัญญาณประสาท พัฒนาการเรียนรู้และความจำ ซึ่งพบมากในนมแม่ เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว และขนมปังกรอบ และวิตามินบี 12 ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง สามารถพบมากในเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ เนื้อปลา และไข่ ทั้งนี้การที่ลูกได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมองอย่างครบถ้วนย่อมหมายถึงพัฒนาการกระบวนการเรียนรู้ด้านต่างๆ ของลูกย่อมดีขึ้นตามไปด้วย ทำให้ระบบสมองของลูกสามารถคิดวิเคราะห์ จดจำ เชื่อมโยง จัดเก็บข้อมูล และนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านใดต้องการ “เพิ่มพลังสมอง” สู่ความฉลาดระดับสูงของลูกน้อย สามารถร่วมฟังสัมมนา “Enfa Brain Power มหัศจรรย์พลังสมอง” โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กสาขาต่างๆ และรับชมนิทรรศการเสริมสร้างสมาธิ ความจำ และคิดวิเคราะห์ ที่จะจัดขึ้นร่วมกับทีเค พาร์ค ในวันที่ 4-5 มีนาคม 2554 ณ ทีเค พาร์ค อุทยานการเรียนรู้ เซ็นทรัลเวิด์ล ชั้น 7 สามารถเข้าร่วมได้เพียงซื้อผลิตภัณฑ์นมเอนฟาโกร หรือนมเอนฟาคิด เอพลัส ครบ 800 บาทแล้วส่งสำเนาใบเสร็จ พร้อมชื่อ-นามสกุลและอายุลูกที่เข้าร่วมกิจกรรมมาทางแฟกซ์หมายเลข 02 725 8701 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.enfababy.com