บีโอไอเผย ปี 53 เอสเอ็มอีไทย แห่ขยายลงทุนเพิ่ม 12 เท่า คาดภาพรวมลงทุนปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านบาท

ข่าวทั่วไป Tuesday February 22, 2011 11:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--บีโอไอ บีโอไอเผย ปี 2553 เอสเอ็มอีไทย ยื่นขอรับการส่งเสริมลงทุน 147 โครงการ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12 เท่า ส่วนแนวโน้มการลงทุนปีนี้ 2554 ไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมดาวเด่นมี อาหารแปรรูป ยานยนต์ชิ้นส่วน และปิโตรเคมี แนะจับตาค่าเงินบาทและเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยบั่นทอน นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( บีโอไอ ) เปิดเผยว่า จากการปรับปรุงนโยบายส่งเสริมการลงทุนแก่เอสเอ็มอีตั้งแต่ต้นปี 2553 โดยเพิ่มประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมตามมาตรการนี้ จากเดิม 10 ประเภท เป็น 57 ประเภท ปรากฏว่าในปี 2553 มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 147 โครงการ เงินลงทุนรวม 2,592 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 12 เท่าตัว หรือร้อยละ 1,200 เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่มีผู้ยื่นขอรับการส่งเสริมฯ เพียง 11 โครงการ กิจการเอสเอ็มอีที่ขอรับส่งเสริม ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกิจการผลิต ถนอมอาหาร สิ่งปรุงแต่งอาหารที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย กิจการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะรวมทั้งชิ้นส่วนโลหะ กิจการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ และกิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก หรือเคลือบด้วยพลาสติก “นโยบายส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการเอสเอ็มอีที่ปรับปรุงใหม่นี้ สะท้อนให้เห็นว่า นโยบายส่งเสริมการลงทุนแก่เอสเอ็มอีของบีโอไอ เดินมาถูกทางแล้ว ช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และเพิ่มศักยภาพของเอสเอ็มอีไทย” เลขาบีโอไอกล่าว สำหรับภาพรวมการลงทุนในปี 2553 ซึ่งมีมูลค่า 447,400 ล้านบาทนั้น อุตสาหกรรมมีผู้สนใจขอรับการส่งเสริมการลงทุนมากเป็นอันดับ 1 คือ หมวดบริการและสาธารณูปโภค เงินลงทุนรวม 167,000 ล้านบาท โครงการที่สำคัญได้แก่ โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้า จำนวน 79 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 107,572 ล้านบาท อันดับสอง คือ อุตสาหกรรมโลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง ลงทุนรวมกว่า 67,000 ล้านบาท อันดับสาม คือ อุตสาหกรรมเกษตร มีมูลค่าการลงทุนรวม 66,100 ล้านบาท ส่วนภาวะการลงทุนในเดือนมกราคม 2554 มีจำนวน 120 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 89 โครงการ ขณะที่มีมูลค่าเงินลงทุน 28,400 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 55 เป็นผลมาจากช่วงเดือนมกราคม 2553 มีโครงการขนาดใหญ่ยื่นขอรับการส่งเสริมในกิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติจำนวน 7 โครงการ ลงทุนรวม 35,000 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มการลงทุนในปี 2554 คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 2554 ได้แก่ อาหารแปรรูป ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พลังงานไฟฟ้า รวมถึงปิโตรเคมี เนื่องจากมีความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด ขณะที่ผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก จะส่งผลระดับหนึ่งต่อการลงทุน เพราะธุรกิจบางส่วนได้ชะลอการลงทุนออกไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ