กรุงเทพฯ--5 ก.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับสสส.ประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการพัฒนาศักยภาพการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด ระยะที่ 3 เพื่อสนับสนุนให้จังหวัดต่างๆ บูรณาการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน มุ่งเน้นการสร้างเครือข่าย การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนให้สามารถสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชนและประเทศชาติ
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนนับเป็นสาเหตุสำคัญที่สร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย จากปัญหาดังกล่าว กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัดให้กับจังหวัดนำร่องในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 รวม 51 จังหวัด จากการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา พบว่า จังหวัดที่ได้รับการสนับสนุน มีการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่ดี รวมทั้งมีแนวทางดำเนินการในลักษณะบูรณาการ ส่งเสริมการสร้างเครือข่าย การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทำให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนเกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน และเพื่อเป็นการขยายผลการดำเนินงานให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ กรมปภ.จึงร่วมกับ สสส. จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการพัฒนาศักยภาพการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (ระยะที่3) ในวันที่ 4-5 กรกฎาคม 2550 ณ โรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ แก่เจ้าหน้าที่จังหวัดที่ไม่เคยได้รับการสนับสนุนจาก สสส. และจังหวัดที่เคยได้รับการสนับสนุน ระยะที่ 1 และ 2 แล้ว ซึ่งมีผลงานดีเด่น ควรจะขยายผลการดำเนินงาน เพื่อพัฒนาศักยภาพในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัดให้เป็นระบบ ต่อเนื่อง สามารถสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนและประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ระดมความคิดเห็น ระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบเครือข่ายชุมชน องค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน สามารถบูรณาการแผนงาน โครงการ ตลอดจนการประสานงานเพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ซึ่งการดำเนินโครงการฯดังกล่าว จะเป็นการวางรากฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัดให้เกิดความต่อเนื่อง ยั่งยืนและเชื่อมโยงไปยังทุกภาคส่วน รวมทั้งสามารถขยายผลการดำเนินงานไปสู่ระดับอำเภอ ท้องถิ่นและชุมชนต่อไป