กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--พิตอน คอมมิวนิเคชั่น
เอสเอพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น สร้างสถิติเติบโตสูงสุดในไตรมาส 4 ปี 2010ไตรมาสที่สี่ ปี 2010 สร้างประวัติการณ์เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของ SAP ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ยังคงโตอย่างต่อเนื่องด้วยเลขสองหลัก และผลักดันการเติบโตของ SAP ในระดับโลก
เอสเอพี เอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่น (SAP APJ) ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สี่ ปี 2010 พิสูจน์แล้วว่าเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ธุรกิจของเอสเอพี ด้วยสถิติยอดการเติบโตครั้งประวัติศาสตร์กว่า 35 เปอร์เซ็นต์ (25 เปอร์เซ็นต์เมื่อหักลบการผันผวนของค่าเงิน) ส่งผลให้มีรายรับด้านซอฟต์แวร์ทั่วโลกรวมกันกว่า 1.5 พันล้านยูโร ในขณะที่ยอดรายรับทั้งปี 2010 ของรายรับด้านซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ เพิ่มเกินกว่ายอดประมาณการของบริษัท ด้วยอัตราการเพิ่มขึ้น 20 (13 เปอร์เซ็นต์ เมื่อหักลบการผันผวนของค่าเงิน)
เอสเอพี ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ( หรือ “APJ”) มียอดผลประกอบการที่ประสบความสำเร็จในไตรมาสดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยมียอดเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักในตลาดสำคัญๆ หลายประเทศ และในหลากประเภทธุรกิจ โดยรายรับด้านซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องในไตรมาสที่สี่ ปี 2010 ได้เติบโตกว่า 26 เปอร์เซ็นต์ (18 เปอร์เซ็นต์ ถ้ารวมญี่ปุ่น) ไปอยู่ที่ยอด 424 ล้านยูโร ในขณะที่ยอดรายรับรวมก็ตอบสนองไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยการเติบโต 23 เปอร์เซ็นต์ (17 เปอร์เซ็นต์ ถ้ารวมญี่ปุ่น) ไปอยู่ที่ ยอด 492 ล้านยูโร
ตลอดเวลา 12 เดือน จนถึงสิ้นปี เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2010 ทางเอสเอพี ภูมิภาค เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น มีรายรับด้านซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องโตขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์ (13 เปอร์เซ็นต์ ถ้ารวมญี่ปุ่น) และมียอดรายรับรวมเพิ่มขึ้น 16 เปอร์เซ็นต์ (9 เปอร์เซ็นต์ ถ้ารวมญี่ปุ่น) ยอดการเติบโตของ ภูมิภาค เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นดังกล่าวนี้ประเมินในรูปแบบที่มิใช่มาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ หรือรวมการผันผวนของค่าเงิน โดยวัดเทียบกับสถิติเดียวกันในช่วงก่อนหน้านี้
“ไตรมาสที่สี่ ปี 2010 จัดเป็นไตรมาสที่มียอดขายซอฟต์แวร์สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ขอเอสเอพี และเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ที่พวกเราทุกคนที่บริษัทต่างภูมิใจ ด้วยผลประกอบการที่ออกมาดีในปีนี้ ทำให้เราเชื่อมั่นว่า เราได้นำเสนอในสิ่งที่ลูกค้าของเราต้องการ เช่น ผู้นำด้านแนวคิด นวัตกรรม คุณค่าในการใช้งานตลอดจนมทางเลือกที่ดี และไว้วางใจได้เสมอ ทั้งหมดนี้ คือ กลยุทธ์การนำเสนอของเรา” มร. สตีฟ วัตส์ ประธาน เอสเอพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าว
“นอกจากนี้ เอสเอพี ภูมิภาค เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ยังมีผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในไตรมาสสี่ เช่นกัน ตอกย้ำด้านการเติบโตของเอสเอพี ในภาพรวมระดับโลก เรามียอดการเติบโตสูงเป็นเลขสองหลักในตลาดสำคัญๆ และในแทบทุกสายธุรกิจ โดยเฉพาะ โซลูชั่นการวิเคราะห์ระบบธุรกิจได้รับความนิยมเป็นพิเศษ รวมทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจหลายรายการเช่น ระบบ High-Performance Analytic Appliance (SAP HANA) ที่ใช้เทคโนโลยีอินเมโมรี ยิ่งไปกว่านั้น ไตรมาสเดียวกันนี้ยังเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของ ByDesign ที่มียอดลูกค้าขยายตัวหลายเท่า ในอัตราที่ต่อเนื่อง”
สำหรับในไตรมาสที่สี่ ปี 2010 ที่ผ่านมานี้ ประเทศจีนยังเป็นตลาดสำคัญ และจุดรวมความสนใจของยุทธศาสตร์การเติบโตของเอสเอพี และด้วยการเข้าซื้อกิจการบริษัท Sybase ซึ่งเป็นผู้นำในด้านธุรกิจฐานข้อมูลและโมไบล์ในประเทศจีน ทำให้ เอสเอพีมองเห็นโอกาสของการเติบโตอย่างต่อเนื่องในจีนต่อไป ซึ่งมียอดผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมากกว่า 750 ล้านราย
ขณะเดียวกัน ตลาดหลักสำคัญๆ อื่นๆ ในภูมิภาคเช่น ออสเตรเลีย อินเดีย เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็มีผลประกอบการที่ดีด้วยเช่นกัน ส่วนในญี่ปุ่นนั้น ผลประกอบการของเอสเอพี ยังคงได้รับผลกระทบจากสภาพทางเศรษฐกิจในประเทศอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามถึงแม้จะต้องเผชิญกับสภาพการณ์ทางธุรกิจที่ท้าทายในญี่ปุ่นก็ตาม แต่ทางเอสเอพี ประเทศญี่ปุ่น ยังคงเป็นผู้นำเหนือคู่แข่งในไตรมาสที่ 4 ปี 2010 และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ลูกค้ากลุ่มสำคัญๆ ในภูมิภาคนี้มาจากอุตสาหกรรมด้าน สาธารณูปโภค กระบวนการผลิต(น้ำมันและก๊าส) และภาคราชการ ตลอดจนบริการสาธารณะ โดย เอสเอพี ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ได้รับการคัดเลือกส่วนใหญ่ในไตรมาสที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เอสเอพียังได้ ให้ภาพรวมของปีหน้า โดยคาดว่ารายรับด้านซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องใน ปี 2011 หน้า คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อไปในอัตราราว 10 ถึง 14 เปอร์เซ็นต์โดยรวมการผันผวนของค่าเงิน ซึ่งเป็นการเพิ่มมุมมองความเป็นไปได้ต่อไปว่า กลุ่มลูกค้ากำลังเริ่มกลับมาลงทุนเชิงกลยุทธ์ด้านไอทีกันอีกครั้ง
มร. สตีฟ วัตส์ ประธาน เอสเอพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวเสริมต่อด้วยว่า “ลูกค้าของเรามองถึงโอกาสเติบโตอีกครั้ง ใช้บริการของเรา เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านข้อมูลการวิเคราะห์ที่ดีกว่า ตัดสินใจดีกว่า บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นมากขึ้น ในขณะที่นวัตกรรมใหม่ๆ ของเราก็ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในหมู่ลูกค้าผู้ใช้งาน ว่าเอสเอพี สามารถช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เราวางแผนที่จะนำเสนอแพล็ตฟอร์มชั้นนำด้านโมไบล์สำหรับธุรกิจ และจะเดินหน้าลงทุนต่อไปด้านซอฟต์แวร์ออนดีมานด์ที่เป็นผู้นำตลาดอยู่ ขณะเดียวกันนั้นก็จะทั้งปรับเสริมและรักษาความเป็นผู้นำตลาดซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรธุรกิจ ช่วยให้ลูกค้าผู้ใช้งานรักษาฐานเดิมที่มีในทางุรกิจ และรุกขยายต่อด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีอิน-เมโมรี โซลูชั่นโมไบล์ และระบบวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจขั้นสูง เป็นต้น”
ในระดับโลกนั้น เอสเอพียังได้เปิดเผยรายงานขั้นต้น เรื่อง การปล่อยก๊าสเรือนกระจก (GHG) ในปี 2010 โดยบริษัทมียอดปล่อยก๊าสเรือนกระจกรวมทั้งสิ้น 430 กิโลตัน ลดลง 4 เปอร์เซ็นต์จากยอด 450 กิโลตันในปี 2009 ซึ่งเป็นอัตราการลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สาม โดยทาง เอสเอพีได้ลดการปล่อยก๊าส GHG ลงมากว่า 24 เปอร์เซ็นต์จากระดับสูงสุดในปี 2007 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่จะลดลงให้เหลือระดับเดียวกับที่เคยเป็นในปี 2000 ให้เป็นไปได้จริงในปี 2020 ต่อไป
“เอสเอพี ประเทศไทย มียอดเติบโตมหาศาลในปี 2010 ซึ่งสูงกว่าตลาดอื่นๆที่ เหลือของ SAP ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยแสดงถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งด้วยยอดการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักทั้งในแง่ของรายรับและยอดจำหน่ายซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตในหลายอุตสาหกรรม เช่น น้ำมันและก๊าส สาธารณูปโภค รถยนต์ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง การผลิตอุตสาหกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยมีกลุ่มลูกค้าที่น่าสนใจทั้งในแง่เชิงยุทธศาสตร์ และยอดปริมาณการขายเช่น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (จำกัด( มหาชน, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, บริษัทการบินไทย จำกัด, บริษัท ไทยซัมมิท, บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร ตลอดจนอีกหลายบริษัท” โทมัส ทอม แซค กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอพี (ประเทศไทย) กล่าว
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ประสานงานประชาสัมพันธ์
พิตอน คอมมิวนิเคชั่น
บูรณี จันทรปรรณิก, ชลวรรณ วงษ์อินทร์
โทรศัพท์ 02-690-5681-4,
buranii@piton.biz, chonlawon@piton.biz