ซีพีเอฟ ปี 2553 กำไร 13,563 ล้านบาท เหนือเป้า ประกาศจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นเต็มที่อีก 0.55 บาทต่อหุ้น

ข่าวทั่วไป Monday February 28, 2011 10:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--ซีพีเอฟ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ “ซีพีเอฟ” รายงานผลการดำเนินงานปี 2553 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ กำไรสุทธิรวมจำนวน 13,563 ล้านบาทเติบโต 33% มากกว่าปี 2552 คิดเป็นกำไรสุทธิจำนวน 2.04 บาทต่อหุ้น พร้อมประกาศจ่ายปันผลประจำปีจากผลการดำเนินงาน 6 เดือนหลังจำนวน 0.55 บาทต่อหุ้น รวมกับเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 0.50 บาทต่อหุ้นที่จ่ายไปเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2553 คิดเป็นการจ่ายปันผลทั้งหมดรวม 1.05 บาทต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานทั้งปี 2553 พร้อมย้ำยังให้ความสำคัญกับการขยายกิจการในต่างประเทศและการผลักดันสินค้าอาหารพร้อมรับประทานทั้งในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในปี 2553 ที่ผ่านมา ซีพีเอฟมียอดขายรวมทั้งสิ้นจำนวน 189,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2552 โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากกิจการในต่างประเทศ 55% และยอดขายของกิจการในประเทศไทยเติบโตเพียง 5% ทำให้สัดส่วนยอดขายของกิจการต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 26% ของยอดขายรวมจาก 19% ในปี 2552 นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่ากลยุทธ์ที่ได้ตั้งไว้สำหรับการดำเนินงานในปีนี้นั้น ยังคงยืนแผนงานเดิมที่ตั้งไว้ในปีที่ผ่านมา คือเร่งขยายธุรกิจในกิจการต่างประเทศที่ได้ลงทุนไปแล้ว รวมทั้งการขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้เข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชา ซึ่งการเข้าซื้อน่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2554 นี้ อันจะทำให้ซีพีเอฟมีการลงทุนในประเทศอื่นๆ นอกจากประเทศไทยทั้งบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวมทั้งสิ้นจำนวน 11 ประเทศแล้ว โดยบริษัทเองก็ยังคงมีการศึกษาโอกาสในการลงทุนในประเทศอื่นๆ อีกอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจากแผนงานนี้จะส่งผลให้ยอดขายจากกิจการต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 26% ในปีที่ผ่านมาเป็น 40% ของยอดขายรวมใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทคาดว่าอัตราการบริโภคในภาพรวมทั่วโลกและในประเทศไทยจะไม่มีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ จึงให้ความสำคัญในการผลักดันสินค้าอาหารพร้อมรับประทานทั้งในประเทศและส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ รวมถึงการรุกขยายช่องทางจำหน่ายค้าปลีก ทั้งผ่าน ซีพีเฟรชมาร์ท และกิจการห้าดาวของบริษัทเอง ซึ่งในธุรกิจนี้คาดว่าจะยังสามารถสร้างยอดขายเติบโตได้ 15% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจธุรกิจกุ้งครบวงจรว่าจะเป็นธุรกิจหลักที่จะมีการดำเนินงานโดดเด่นต่อเนื่อง และเป็นกำลังสำคัญในการทำให้เป้าหมายเป็นไปอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะจากการที่บริษัทได้เริ่มพัฒนาสินค้ากุ้งปรุงสุกจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออก ได้เป็นที่ยอมรับจากทุกประเทศ และจากการพัฒนาของอุตสาหกรรมโดยรวมที่ทำให้ประเทศไทยมีต้นทุนการผลิตกุ้งที่แข่งขันได้ในตลาดโลก ทำให้ราคากุ้ง ณ ปัจจุบันอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคยินดีที่จะบริโภคกุ้งมากขึ้น กุ้งจึงเป็นสินค้าที่มีศักยภาพสูง รวมทั้งบริษัทได้มีการขยายการลงทุนในธุรกิจกุ้งไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจกุ้ง เช่น อินเดีย มาเลเซีย และฟิลลิปินส์ ซึ่งคาดว่าธุรกิจกุ้งโดยภาพรวมน่าจะเติบโตได้มากกว่า 20% สำหรับภาวะวิกฤตการณ์อาหารแพง เนื่องจากภาวะราคาสินค้าเกษตรทั่วโลกที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวนที่ทำให้การผลิตมีความเสียหายได้ผลผลิตน้อยกว่าที่ประมาณไว้ เมื่อผนวกกับการบริโภคที่เพิ่มขึ้นจากความสามารถในการจับจ่ายที่ดีขึ้นของผู้บริโภค และการลงทุนในการพัฒนาประสิทธิภาพของการผลิตในภาคเกษตรกรรมที่น้อยเกินไป เหล่านี้อาจจะส่งผลให้ระดับราคาสินค้าเกษตร ราคาเนื้อสัตว์ และราคาสินค้าอาหารพุ่งสูง สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดภาวะการขาดแคลนอาหารของโลกมีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซีพีเอฟจึงให้ความสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีต้นทุนในการผลิตและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในการแข่งขันมากขึ้น และเร่งขยายธุรกิจไปยังประเทศที่ยังคงมีความต้องการเนื้อสัตว์ในการบริโภคสูง สำหรับเป้าหมายยอดขายปี 2554 นั้น นายอดิเรกกล่าวปิดท้ายว่า ตั้งเป้าการเติบโตไว้ประมาณ 10-15% จากปี 2553 โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มขึ้นของกิจการต่างประเทศ และแม้ว่าในปีนี้ต้นทุนการผลิตในภาพรวมที่คาดว่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีทีผ่านมา บริษัทยังคงเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโตของกำไร จากการให้ความสำคัญด้านการพัฒนาบุคลากร บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย รวมทั้งการบริหารด้านการเงินและเงินลงทุนของบริษัท ด้านสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ CPF โทร. 02-625-7343-5, 02-631-0641, 02-638-2713 E-mail : pr@cpf.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ