กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--มูลนิธิรักษ์ไทย
“ประเทศไทย เป็นหนึ่งใน 22 ประเทศ ที่มีผู้ป่วยวัณโรคมากติดอันดับโลก”
ผู้ป่วยวัณโรคระยะแพร่เชื้อ 1 ราย ถ้าไม่ได้รับการรักษา สามารถทำให้คนรอบข้างติดเชื้อได้ 10 -15 คนต่อปี17% ของผู้ป่วยวัณโรคมีการติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย และวัณโรคเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเสียชีวิต
*ข้อมูลจากสำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
วัณโรค ไม่ไกลตัวอย่างที่คิด
1 ใน 3 ของคนไทยมีเชื้อวัณโรคอยู่ในร่างกายโดยไม่รู้ตัว ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ที่มีเชื้อวัณโรคในร่ายกายจะมีโอกาสป่วยเป็นวัณโรค ถึงแม้วัณโรคจะรักษาหายแต่ป้องกันไว้จะดีกว่า เชื้อวัณโรคสามารถแพร่กระจายผ่านอากาศที่เราสูดหายใจเข้าออกได้ทุกวินาที ดังนั้น อย่านิ่งนอนใจ …พบก่อน รักษาหาย ไม่แพร่กระจาย
“พบก่อน”
วัณโรค (Tuberculosis หรือ TB) เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium Tuberculosis ทำให้มีการอักเสบในปอด หรือในอวัยวะอื่นร่วมด้วย เช่น ต่อมน้ำเหลือง เยื่อหุ้มสมอง กระดูก
ปัจจุบัน 1 ใน 3 ของประชากรทั่วโลกติดเชื้อวัณโรคแล้ว ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อวัณโรคประมาณ 25 ล้านคนและมีผู้ป่วยด้วยวัณโรคราว 90,000 คน ในจำนวนนี้ 40,000 คนเป็นผู้ป่วยเสมหะพบเชื้อ (ร้อยละ 44) สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ผ่านทางการไอ จาม พูด ทุกคนจึงมีโอกาสได้รับเชื้อวัณโรคได้ตลอดเวลา ดังนั้น เราควรหมั่นสังเกตตนเองและคนรอบข้างอยู่เสมอ หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ ต้องไปพบแพทย์โดยทันที
- ไอติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ หรือไอปนเลือด
- มีไข้ตอนบ่ายๆ มีเหงื่อออกมากเวลากลางคืน
- น้ำหนักลด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
- เจ็บหน้าอก และเหนื่อยหอบง่าย
“รักษาหาย”
วัณโรค สามารถรักษาให้หายขาดได้ ในปัจจุบันมียารักษาวัณโรคหลายชนิดที่ให้ผลดี นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังมีนโยบายรักษาวัณโรคฟรีแก่ผู้ป่วยด้วย โดยมีทั้งยารวมเม็ดสำหรับผู้ใหญ่ และยาสำหรับเด็ก ทั้งนี้ การรักษาจะได้ผลดีต่อเมื่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงและมีวิตามิน เพื่อช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค
“ไม่แพร่กระจาย”
ถึงแม้วัณโรคจะยังเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรง แต่ถ้าเราหมั่นดูแลสุขภาพของตนเองและคนรอบข้าง ตลอดจนดูแลผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องถูกต้อง ก็จะช่วยหยุดยั้งการแพร่กระจาย และทำให้โรคนี้หมดไปจากประเทศไทยได้ในเร็ววัน