กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--กรมการค้าต่างประเทศ
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2550 ที่ประชุมสภายุโรปได้ให้ความเห็นชอบร่างระเบียบว่าด้วยขั้นตอนการรับรองการใช้สาร เพื่อนำมาบังคับใช้กับสารปรุงแต่งในอาหาร สารประเภทเอ็นไซม์ และสารปรุงแต่งรส เพื่อให้ประเทศสมาชิกฯ นำระบบมาร่วมใช้อย่างทั่วถึงในทุกประเทศ โดยจะมีการประเมินความปลอดภัยสารปรุงแต่ง 300 รายการที่ใช้ในปัจจุบันใหม่ ซึ่งคาดว่าร่างระเบียบดังกล่าวจะผ่านเข้าที่ประชุมคณะมนตรียุโรปภายในปี 2550 และนำมาบังคับใช้เป็นกฎหมายภายในปี 2553 ทั้งนี้ มีข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับสารที่ผ่านการประเมินแล้ว ดังนี้
1. ห้ามนำสารปรุงแต่งรายการใหม่ที่ไม่ผ่านการรับรองตามร่างระเบียบมาใช้โดยสิ้นเชิง
2. ห้ามใช้สารในสินค้าอาหารที่ไม่ได้ผ่านการแปรรูป
3. ห้ามใช้สารให้ความหวาน และสารให้สีในสินค้าอาหารทารกและเด็กเล็ก
4. สารที่ได้ผ่านการรับรองแล้วจะต้องได้รับการอนุญาตจาก European Food Safety Authority (EFSA)
การปรับปรุงระเบียบว่าด้วยสารปรุงแต่งในอาหาร อาจมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าอาหารแปรรูปไปยังสหภาพยุโรป ดังนั้น จึงควรให้ความสนใจและระมัดระวังการใช้สารปรุงแต่งต่าง ๆ ในสินค้าของตนให้เป็นไปตามข้อกำหนด เพื่อป้องกันการถูกกักกันสินค้า การถูกส่งกลับคืน และการทำลายสินค้า การดำเนินการจะเป็นการสุ่มตรวจตามระบบเตือนภัยสินค้าอาหาร (Rapid Alert System for Food and Feed: RASFF) ทั้งนี้หากมีการกักกันสินค้าหรือสินค้าถูกส่งกลับคืนหรือถูกทำลาย ผู้ประกอบการอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด
การส่งออกสินค้าอาหารไทยไปสหภาพยุโรปเฉลี่ยปีละกว่า 60,000 ล้านบาท (ปี 2547-2549) โดยในปี 2550 (มกราคม-มิถุนายน) ส่งออกประมาณ 39,000 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12 สำหรับรายละเอียดของข้อมูลสามารถหาเพิ่มเติมได้จาก http://ec.europa.eu/food/food/chemicalsafety/additives