กรุงเทพฯ--8 มี.ค.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์
ในที่สุดชัยชนะก็เป็นของฟอร์ด เมื่อฟอร์ด โฟกัส RS WRC 06 สายเลือดรถแข่งจากฟอร์ดสร้างปรากฏการณ์ใหม่คว้าตำแหน่งแชมป์การแข่งขัน เวิลด์ แรลลี่ แชมเปียนชิป ประจำปี 2549 ประเภททีมผู้ผลิต (WRC Manufacturer’s Championship 2006) ของสมาคม Federation Internationale de l’Automobile (FIA) ปิดฤดูการแข่งขันระดับโลกอย่างยิ่งใหญ่ที่ประเทศอังกฤษ ทิ้งแชมป์เก่ารั้งท้ายอย่างไม่เห็นฝุ่น ประกาศศักดารถยนต์สมรรถนะแกร่ง มาตรฐานการผลิตสูงสุด
WRC ขึ้นชื่อว่าเป็นการแข่งขันแรลลี่สุดโหดรายการหนึ่งของโลก นักแข่งต้องร่วมในการแข่งขัน 16 รอบ 5 ทวีป ตลอด 12 เดือน โดยเริ่มต้นที่มอนติคาร์โล ต่อด้วยสวีเดน เม็กซิโก สเปน ฝรั่งเศส อาร์เจนตินา อิตาลี กรีซ เยอรมนี ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น ไซปรัส ตุรกี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และจบลงที่อังกฤษ การแข่งขันแต่ละรอบจะใช้เวลาถึง 3 วัน ระยะทาง 1,200 กิโลเมตร บนพื้นผิวถนนที่หลากหลายทั้งพื้นเรียบ ลาดยางมะตอย ถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะ ไปจนถึงทางแคบๆ ขรุขระเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย
นี่นับเป็นชัยชนะครั้งแรกในรอบ 27 ปีที่ทีม BP-Ford World Rally Team ของฟอร์ดสามารถคว้าตำแหน่งแชมป์ในแรลลี่รายการนี้ ฟอร์ด โฟกัส RS WRC 06 ที่ใช้ในการแข่งขันบนเส้นทางสุดโหดยาวนานต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา พัฒนามาจาก รถฟอร์ด โฟกัส ST รถยนต์ยุโรปทรงพลัง โดยทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญของ M-Sport และ Ford Team RS ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ดูแลการพัฒนารถแข่งของฟอร์ด ขุมพลังของ ฟอร์ด โฟกัส RS WRC 06 อยู่ที่การวางเครื่องยนต์ดูราเทค 2 ลิตรเทอร์โบชาร์จ เป็นบล็อกพิเศษที่ทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา รวมทั้งมีโครงสร้างการกระจายน้ำหนักไปทั่วคันเพื่อให้สามารถทำความเร็วและเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ในส่วนของช่วงล่างก็ได้ใช้วัสดุใหม่ที่เบาขึ้น มีการปรับแต่งเพิ่มความสมดุลในการทรงตัวและพลังของตัวรถ ทำให้ขับตะลุยได้ทุกสภาพถนนได้อย่างปราดเปรียว
ระบบเกียร์ของฟอร์ด โฟกัส RS WRC 06 ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยทีมงานได้วางเกียร์และเครื่องยนต์ในแนวขวางเพื่อช่วยลดการสูญเสียกำลังเนื่องจากแรงเสียดทานไปได้มาก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในการแข่งขันครั้งนี้
การพัฒนาฟอร์ด โฟกัสเพื่อลงสู่สนามแข่งอย่างจริงจัง เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2540 โดยที่ฟอร์ดในยุโรปได้ร่วมมือกับ มัลคอล์ม วิลสัน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการทีม BP-Ford World Rally และ M-Sport พัฒนาทีมนักแข่งและรถยนต์ฟอร์ด โฟกัส อาร์เอส เพื่อลงแข่งขันในสนามแข่งระดับโลก ซึ่งหลังจากนั้นทีมของฟอร์ด ก็เริ่มสร้างชื่อเสียงในการแข่งขัน โดยออกตัวอย่างสวยงามกับชัยชนะในปี 2542 และประสบความสำเร็จมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆ มา พร้อมกันนั้น ทีมฟอร์ดก็ได้พัฒนาฟอร์ด โฟกัส RS ใหม่ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเพื่อกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตโดยเฉพาะ จนกระทั่งมาเป็น ฟอร์ด โฟกัส RS WRC 06 ที่สามารถคว้าตำแหน่งแชมป์ในรายการ WRC 2006 นี้มาได้อย่างสวยงามโดย 4 นักแข่งฝีมือเยี่ยมจากฟินแลนด์
นักแข่งทั้ง 4 ที่นำฟอร์ด โฟกัส RS WRC 06 สร้างชื่อในสนามแข่งระดับโลกรายการนี้ ได้แก่ มาร์คัส กรอนโฮล์ม และ ทิโม โรทิไอเนน สองนักแข่งดีกรีแชมป์โลก รวมทั้ง จาร์โม เลห์ทิเนน และมิกโก เฮอร์โวเนน นักแข่งชาวฟินแลนด์ที่คร่ำหวอดในการแข่งขันแรลลี่ระดับโลกมานานนับสิบปี
มาร์คัส กรอนโฮล์ม นักแข่งหลักของทีมฟอร์ดในรายการนี้สามารถทำคะแนนนำมาแล้วถึง 9 รอบ ด้วยคะแนนสะสมเป็นอันดับหนึ่งตลอดการแข่งขันที่ผ่านมา ทำให้ทีมฟอร์ดไม่มีความกดดันในการแข่งขันรอบสุดท้ายที่อังกฤษ ขอเพียงนำรถเข้าเส้นชัยก็จะได้รับชัยชนะ และกรอนโฮล์มก็ใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่นำ ฟอร์ด โฟกัส RS WRC 06 เข้าสู่เส้นชัยเป็นอันดับ 1 ได้ตามคาดหมาย
ทีมฟอร์ดสามารถคว้าชัยชนะมาครองได้อย่างขาวสะอาด โดยทำคะแนนรวมทั้งสิ้น 195 คะแนน ทิ้งห่างทีมอันดับสองซึ่งทำได้ 166 แต้ม ส่วนมาร์คัส กรอนโฮล์ม เองก็เก็บคะแนนรวมสะสมไปได้ 111 คะแนน ขาดอีกเพียง 1 คะแนนเท่านั้นก็จะได้ครองแชมป์ประเภทนักแข่งร่วมกับเซบาสเตียน โลบ นอกจากนี้มิกโก เฮอร์โวเนน ทำคะแนนเป็นอันดับที่สามในการสะสมคะแนนของนักแข่งในปีนี้ด้วย
จอสท์ แคปิโค ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ Ford Team RS กล่าวว่า “ความสำเร็จครั้งนี้ มีความสำคัญมากต่อทีมของเรา เพราะเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่สำหรับพนักงานฟอร์ดทุกคน รวมทั้งแฟนพันธุ์แท้ที่ติดตามฟอร์ดมอเตอร์สปอร์ตมาตลอด และผู้ที่สนใจรถยนต์สมรรถนะสูงของเรา ซึ่งได้ให้การสนับสนุนเราในการแข่งขันทุกรายการ เราต้องขอบคุณนักแข่งทุกคนในทีมที่สามารถนำชัยชนะอันยิ่งใหญ่นี้มาให้พวกเราทุกคน”
สำหรับฤดูการแข่งขันใหม่ประจำปี 2550 ซึ่งทำการแข่งขันไปแล้ว 3 รอบ ทีมฟอร์ดสามารถทำคะแนนนำเป็นอันดับหนึ่งได้ถึง 2 รอบ และทิ้งห่างคู่แข่งหลายคะแนน ทำให้มีแต้มต่อที่เหนือกว่า ชัยชนะจากฤดูกาลที่ผ่านมาทำให้ฟอร์ดมั่นใจมากว่าแชมป์ปีนี้คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net