กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--จ็อบสตรีท (ประเทศไทย)
จ็อบสตรีทดอทคอม หนึ่งในเว็บไซต์จัดหางานที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย และมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการส่งเสริมความก้าวหน้าด้านอาชีพ เผยผลสำรวจ “มุมมองและแนวโน้มการเปลี่ยนงาน” จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,400 คน พบว่า 92% ของกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามมีแผนที่จะย้ายงานในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่ง 72% มีแผนจะเปลี่ยนงานในอีกไม่กี่เดือนนับจากนี้ ซึ่งตรงข้ามกับ 18% ของผู้ตอบสอบถามซึ่งกล่าวว่ามีแผนย้ายงานในอีก 1-2 ปีข้างหน้า และยังพบว่า 97% วางแผนที่จะเปลี่ยนงานอย่างน้อยหนึ่งหรือสองครั้งในระหว่าง 5 ปี ข้างหน้า
เมื่อถูกถามถึงสาเหตุที่พวกเขาต้องการจะเปลี่ยนงาน ประมาณ 37% ให้เหตุผลว่ากำลังมองหาสมดุลในชีวิตการทำงาน ในขณะที่อีก 33% ต้องการค่าตอบแทนที่สูงขึ้น โดยช่องทางการหางานผ่านเว็บไซต์ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด 87% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เลือกที่จะค้นหางานของพวกเขาผ่านทางเว็บไซต์หางาน อย่างไรก็ตามผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ประมาณ 49% ยังเห็นว่าเป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะหางานในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
สำหรับผู้ที่ยังไม่คิดเปลี่ยนงานนั้น 30% กล่าวว่าเป็นเพราะคุ้นเคยกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน และอีก 22% ให้เหตุผลว่าเพราะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมในการทำงาน ในขณะที่อีก 20% กล่าวว่าเคยชินกับภาระการทำงานในปัจจุบัน
ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าแนวโน้มการเปลี่ยนงานค่อนข้างสูง แต่ 26% ยังเห็นตรงกันว่าเวลาที่เหมาะสมที่จะทำงานแต่ละแห่ง น่าจะอยู่ที่ 2 - 3 ปี ในขณะที่ 24% เห็นว่า 5 ปี ขึ้นไปน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีกว่า ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า 57% คิดว่า การย้ายงานบ่อยจะทำให้ประวัติการทำงานดูไม่ดี
นางสาวฐนาภรณ์ สถิตพันธุ์เวชา ผู้จัดการสาขาประเทศไทย บริษัท จ็อบสตรีท (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้ทัศนะในเรื่องนี้ว่า “ไตรมาสแรกของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาที่มีการโยกย้ายงานค่อนข้างมาก อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผลสำรวจซึ่งจัดทำในช่วงนี้ออกมาว่ามีแนวโน้มการเปลี่ยนงานค่อนข้างสูง ซึ่งอย่างไรก็ดี ก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนงานนั้น ผู้หางานควรพิจารณาในรอบคอบ โดยเฉพาะในประเด็นหลัก ๆ เช่น งานใหม่นั้นจะช่วยเพิ่มทักษะและประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน อย่าเปลี่ยนงานเพราะต้องการเงินเดือนเพิ่ม หรือต้องการออกจากงานปัจจุบันให้เร็วที่สุดเพียงอย่างเดียว”
“อย่าลืมว่าคุณอาจถูกถามถึงสาเหตุของการเปลี่ยนงาน ซึ่งคุณควรมีเหตุผลสนับสนุนที่ดีเพียงพอสำหรับการตัดสินใจเปลี่ยนงานในแต่ละครั้ง ทั้งนี้การเปลี่ยนงานอาจเป็นดาบสองคม คุณอาจมีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่ในขณะที่ต้องยอมเสียบางสิ่งบางอย่าง เช่น เมื่อคุณก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้างานฝ่ายขาย คุณอาจมีหน้าที่รับผิดชอบที่สูงขึ้น ยอดการขายสูงขึ้น แต่ได้เงินยากขึ้น หรือน้อยลง เมื่อเทียบกับขณะที่เป็นพนักงานขายทั่วไป ซึ่งสามารถทำรายได้ได้มากกว่า สิ่งที่อยากให้คนหางานทุกท่านได้ตระหนักคือ การให้ความสำคัญกับหน้าที่ของตนเอง ทำงานของตนเองให้ดีที่สุด และแน่ใจว่าตนเองได้ทำเต็มความสามารถแล้ว แต่เมื่อต้องเปลี่ยนงาน ก็จงใช้สถานการณ์นั้นให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง อย่าปล่อยให้โอกาสของตนเองหลุดลอยไปโดยไม่มีประโยชน์ และพัฒนาตนเองให้พร้อมสำหรับการทำงานอยู่เสมอ” คุณฐนาภรณ์กล่าวเพิ่มเติม