กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานการประชุม คณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว รายงานเรื่องร้องเรียนและคดี รายงานการเงินกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว และพิจารณาการปรับปรุงคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ณ ห้องประชุม ๑ ชั้น ๒ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายสมบัติ คุรุพันธ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้สรุปรายงานการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดย เพื่อรับทราบรายงาน การออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว รายงานเรื่องร้องเรียนและคดี รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว และพิจารณาการปรับปรุงคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ จำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว รวมทั้งสิ้น ๙,๒๖๐ราย และจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ รวมทั้งสิ้น ๔๓,๔๗๔ ราย ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตต่างๆ รวมทั้งสิ้น ๑๐,๙๘๗,๑๐๐ บาท และสามารถจำแนกจำนวนมัคคุเทศก์จำแนกรายภาษา ดังนี้ อังกฤษ ๒๓,๕๘๐ ราย จีน ๕,๗๗๖ ราย ญี่ปุ่น ๔,๔๓๖ ราย ฝรั่งเศส ๑,๕๘๖ ราย ไทย ๑,๓๐๗ ราย เยอรมัน ๖๓๗ ราย เกาหลี ๖๓๑ ราย มลายู ๓๓๙ ราย รัสเซีย ๓๓๒ ราย สเปน ๒๕๗ ราย อิตาเลียน ๑๕๙ ราย อินโดนีเซีย ๑๓๙ ราย เวียดนาม ๙๘ ราย ลาว ๖๕ ราย สวีเดน ๕๕ ราย อารบิค/อาหรับ ๔๗ ราย เดนมาร์ค ๓๐ ราย เขมร ๒๘ ราย ฮินดี ๑๙ ราย พม่า ๑๗ ราย นอร์เวย์ ๑๗ ราย โปตุเกส ๑๔ ราย ดัตช์ ๑๔ ราย ฟินแลนด์ ๓ ราย โปแลนด์ ๒ ราย ทั้งนี้ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตต่างๆรวมทั้งสิ้น ๑๐,๙๘๗,๐๐๐ บาท และเงินหลักประกัน รวมทั้งสิ้น ๗๓๒,๒๖๐,๐๐๐ บาท และสามารถสรุปรายงานเรื่องร้องเรียนและคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาตามมาตรา ๑๐๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนของสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง ตั้งแต่วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง จำนวนทั้งสิ้น ๘๑ เรื่อง สามารถจำแนกได้ดังนี้ การร้องเรียนในมูลความผิดกรณีประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว จำนวน ๒๐ เรื่อง การร้องเรียนในมูลความผิดกรณีชำระเงินค่าบริการแล้วแต่ไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ จำนวน ๒ เรื่อง การร้องเรียนในมูลความผิดกรณีไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับธุรกิจนำเที่ยว หรือตามที่ได้โฆษณาชี้ชวนไว้ จำนวน ๔๘ เรื่อง การร้องเรียนในมูลความผิดที่อยู่นอกเหนืออำนาจตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๑๑ เรื่อง
ทั้งนี้ ในส่วนของงบการเงินกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว ที่ประชุมสรุปรายงานการแสดงฐานะการเงิน ไว้วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งมีเงินคงเหลือทั้งสิ้น ๓๐,๑๗๔,๘๗๘.๔๕ บาท นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณา เรื่องการปรับปรุงคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งมีการนำเสนอปรับปรุงรายชื่อและตำแหน่งของคณะกรรมการ ใน ๕ กลุ่ม คือ คณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนและอุธรณ์ คณะอนุกรรมการพิจารณาหลักและมาตรฐาน การประชุมธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์และผู้นำเที่ยว คณะอนุกรรมการยกร่างอนุบัญญัติตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ๒๕๕๑ คณะอนุกรรมการบริหารจัดการกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว และคณะอนุกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์อัตราค่าบริการของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับการปรับปรุงรายชื่อ และตำแหน่งของคณะอนุกรรมการ แต่จะเป็นต้องสร้างหลักเกณฑ์ มาตรฐานในการคัดเลือกบุคคลเข้ามารับตำแหน่งอนุกรรมการดังกล่าว เพื่อให้คณะอนุกรรมการดังกล่าว มีความหลากหลาย และครอบคลุมการตัดสิน การพิจารณาที่เป็นธรรม ให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
นายสมบัติ (ป.กก.) กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้ช่วยติดตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้านการจัดการ ด้านการท่องเที่ยวในทุกภาคส่วน ให้ร่วมมือกัน พัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงนักท่องเที่ยวนักท่องเที่ยว ที่ยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นให้เห็นกันอยู่ทุกวัน อยากให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญและช่วยกันหารือเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจริงจัง ตลอดจนอยากให้มีการปรับปรุง พรบ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ให้มีความทันสมัย ทันเหตุการณ์ และสอดคล้องกับความเป็นจริงในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนมีบทลงโทษผู้กระทำผิดจากธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ที่ครอบคลุมถึงภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน อย่างจริงจัง และเหมาะสมขึ้น โดยขอให้ตั้งคณะทำงานพิจารณาการดำเนินงานในเรื่องนี้เป็นการเร่งด่วนต่อไป