แคนนอน เผยผลประกอบการปี 2553 โตเหนือคาด ตั้งเป้าโต 20% คิดเป็นรายได้กว่า 9 พันล้านบาท ในปี 54

ข่าวเทคโนโลยี Wednesday March 2, 2011 17:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--อาร์ค เวิลดไวด์ แคนนอน เผยผลประกอบการปี 2553 โตเหนือคาดตั้งเป้าโต 20% คิดเป็นรายได้กว่า 9 พันล้านบาท ในปี 54มั่นใจเศรษฐกิจทั่วภูมิภาคเอเชีย และประเทศไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) เดินหน้าเปิดเกมรุก ทำตลาดเต็มสูบ ตั้งเป้า “เบอร์ 1” ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ หวังยอดขาย 9.3 พันล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 20% โดยมีกล้องดิจิตอลที่เป็นตัวชูโรงในตลาด ด้วยกลยุทธ์ “One For All Delight” นายวาตารุ นิชิโอกะ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า“ในปีที่ผ่านมาแคนนอนสามารถฟันฝ่ามรสุมทางเศรษฐกิจมาได้อย่างสวยงาม ด้วยการทำงานหนักของทีมการตลาดและการบริหารภายในที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น การส่งเสริมการขายและการโฆษณาที่เข้มแข็ง การปรับปรุงการบริการ และการใช้ช่องทางการสื่อสารใหม่ๆ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลาย ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ส่งผลให้ยอดขายเติบโตได้เหนือความคาดหมาย” “สำหรับปี 2554 นี้ มีการคาดการจากนักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนที่เห็นพ้องต้องกันว่า พื้นฐานทางเศรษฐกิจของเอเชียส่งสัญญาณไปในทางที่ดี และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจในภูมิภาค ดังนั้นในปีนี้ แคนนอนจึงวางแผนการทำตลาดให้ครอบคลุมทุกช่องทาง สำหรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยตั้งเป้าเติบโตทั้งหมด 20% หรือคิดเป็นรายได้ทั้งหมด 9,320 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์ One For All Delight” ซึ่งหมายถึงแคนนอนเป็นบริษัทที่ตอบสนองต่อทุกความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคในด้านต่างๆ คือ ด้านสินค้า ด้านบริการ และด้านปรัชญาการดำเนินธุรกิจขององค์กร” นายนิชิโอกะ กล่าว กลยุทธ์ “One For All Delight” ประกอบด้วย: Delighting Product — แคนนอนยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นเลิศด้านคุณภาพ และการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้งเป็นอันดับแรก รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกเซ็กเม้นต์ - สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์อิมเมจจิ้ง คอนซูเมอร์ โปรดักส์ เน้นการนำเสนอเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกล้องดิจิตอล เข้าสู่อุปกรณ์ Gadget ต่างๆ อาทิ ไอแพด และไอโฟน ผ่านเทคโนโลยีเชื่อมต่อแบบไร้สายเพื่อการแชร์รูปภาพแบบออนไลน์อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคด้านการแชร์รูปภาพเปลี่ยนไป จากเดิมที่นิยมถ่ายภาพและพรินท์ภาพออกมา แต่ในปัจจุบันกระแสสื่อประเภทโซเชียลเน็ทเวิร์ค และอุปกรณ์ไอทีประเภทแท็บเล็ท เข้ามามีบทบาทมาก จนทำให้แคนนอนไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล และกล้องวีดีโอดิจิตอล แคนนอนยังเตรียมเปิดตัวฟังก์ชั่นลูกเล่นใหม่เพื่อการถ่ายภาพแนวครีเอทีฟ และครั้งแรกของโลกกับเลนส์ฟิชอายส์ที่มีมุมรับภาพกว้าง 180 องศา ให้ภาพถ่ายมีมุมมองพิเศษ แปลกตาสำหรับกล้องดิจิตอลแบบซิงเกิ้ลเลนส์ สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2554 แคนนอนมีแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งกล้องดิจิตอลซิงเกิ้ลเลนส์ทั้งหมด 2 รุ่น กล้องดิจิตอลคอมแพค 9 รุ่น และกล้องวีดีโอดิจิตอล 8 รุ่น กล้องวีดีโอระดับมืออาชีพ 1 รุ่น สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ ซิสเต็ม โปรดักส์ โดดเด่นในผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มธุรกิจองค์กร และกลุ่มโฮมยูสเซอร์ โดยเฉพาะพิกซ์ม่า อิงค์เจ๊ทพรินเตอร์ของแคนนอน ที่สามารถครองความเป็นผู้นำด้านยอดขายมาเป็นอันดับ 1 ถึง 10 ปีซ้อน โดยชูกลยุทธ์ด้านฟังก์ชั่นต่างๆเพื่อให้กลุ่มโฮมยูสเซอร์สามารถใช้งานเองที่บ้าน ด้วยการติดตั้งฟังก์ชั่นระดับพรีเมี่ยมอย่าง “Full HD Movie print” เพิ่มในพรินเเตอร์รุ่นใหม่ทุกรุ่น ให้สามารถสั่งพริ้นท์ภาพจากคลิปวีดิโอโดยการเลือกช็อตที่ต้องการและพริ้นท์ออกมาเป็นภาพนิ่งความละเอียดสูงได้อย่างง่ายดาย และเพิ่ม 2 แอพพลิเคชั่นส์สุดฮิปตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่กับ “IEPP /EPP Canon iPhone Easy-PhotoPrint Application” ให้สามารถพรินท์ได้จาก iPhone iPod และ iPAD(สำหรับ iEPP App) และมือถือระบบ Android (สำหรับ EPP App) โดยผ่านระบบ Wi-Fi และ “Photo Book Application” ให้พริ้นท์โฟโต้บุ๊คของตนได้เอง พร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยวด้วย Dual Function Panel ซึ่งเป็น Panel อัจฉริยะในการปรับเปลี่ยนอัตโนมัติ เมื่อต้องการเปลี่ยนฟังก์ชั่นในการใช้งานทันที สำหรับผลิตภัณฑ์ในฝั่งของเลเซอร์พรินเเตอร์ แคนนอนนำเสนอเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนขององค์กร พร้อมฟังก์ชั่นสุดล้ำที่สั่งพริ้นท์ผ่านระบบ WiFi ได้ โดยในปี 2554 แคนนอนมีแผนเปิดตัวสินค้าอิงค์เจ็ท พรินเเตอร์ทั้งหมด 32 รุ่น เลเซอร์พรินเตอร์ทั้งหมด 34 รุ่น และโปรเจคเตอร์ 15 รุ่น - และกลุ่มผลิตภัณฑ์บิสซิเนส อิมเมจจิ้ง โซลูชั่น เพื่อให้การบริการลูกค้าของเราเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แคนนอนจึงได้พัฒนาบริการหลังการขายในระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้ชื่อ e-Maintenance บริการตรวจสอบสถานะของเครื่องถ่ายเอกสารเสมือนเลขาส่วนตัวจากแคนนอนในการแจ้งเตือนข้อมูลอันเป็นประโยชน์ของการใช้งานเครื่องถ่ายเอกสาร ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการใช้งาน ปริมาณหมึกที่คงเหลืออยู่ในเครื่อง รวมถึงข้อผิดพลาดของเครื่องผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต รวมถึงความโดดเด่นด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราด้วยจิตสำนึกแห่งการรักษาสิ่งแวดล้อม (Green Technology) เริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตโดยนำพลาสติกที่มีส่วนผสมจากพืชมาเป็นส่วนประกอบของเครื่องถ่ายเอกสาร (Bio Based Plastic) ทำให้สามารถนำชิ้นส่วนดังกล่าวมารีไซเคิลได้ 100% ไปจนถึงการใช้พลังงานและระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เราสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ได้มากกว่า 30% นอกจากนี้เรายังมีความเข้มงวดต่อการปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด และกำหนดห้ามใช้วัสดุ 24 ชนิดที่เป็นพิษ (ในขณะที่ข้อกำหนดของ RoHS ได้กำหนดไว้เพียง 6 ชนิด ซึ่งในปี 2554 นี้แคนนอนเตรียมเปิดตัวเครื่องถ่ายเอกสารรุ่นใหม่ 10 รุ่น Delighting Service — แคนนอนมีกลยุทธ์ที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า สร้างทีมขายที่เข้มแข็ง และสร้างการบริการที่มีคุณค่าเพิ่ม โดยการเพิ่มศูนย์บริการ แคนนอน คอนเซ็ปต์ สโตร์ ออกไปตามหัวเมืองต่างๆ จาก 4 สาขาในปัจจุบัน เป็น 8 สาขาเพิ่มเติม ภายในปี 2554 นี้ เพื่อเพิ่มฐานกลุ่มลูกค้าที่อยู่ตามหัวเมืองใหญ่ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชั่นของแคนนอนยังคำนึงถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานเอกสารจำนวนมาก และเล็งเห็นถึงความสำคัญอย่างสูงสุดในความปลอดภัยของข้อมูล แคนนอนจึงได้สร้างความแตกต่างในการบริการลูกค้าระดับพรีเมี่ยม ภายใต้ชื่อ e-Maintenance บริการแจ้งเตือนข้อมูลและสถานะต่างๆ ของเครื่องผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ช่วยลดและควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารงานเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยระบบจะส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ ของเครื่องไปยังเจ้าหน้าที่แคนนอน ช่วยให้การบริการเป็นไปด้วยความรวดเร็ว แม่นยำ ลดภาระในการตรวจสอบเครื่องถ่ายเอกสารของลูกค้า พร้อมทั้งช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องถ่ายเอกสารได้อีกด้วย Delighting Corporate Vision — จากปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแคนนอนทั่วโลกคือ ‘เคียวเซ’ (Kyosei) ซึ่งหมายถึงการพัฒนาและเติบโตอย่างมั่นคงไปพร้อมๆ กับการสร้างสรรค์โลกและความสุขของมวลมนุษย์ แคนนอนจึงมุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ผลิตภัณฑ์ของเราถูกสร้างขึ้นด้วยจิตสำนึกแห่งการรักษาสิ่งแวดล้อม (Green Technology) ซึ่งในปัจจุบันทุกองค์กรได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างสูงสุด และนำประเด็นดังกล่าวมาเป็นมาตรฐานในการตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความปลอดภัยทั้งต่อตัวผู้ใช้และต่อสิ่งแวดล้อม โดยเราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์จนได้รับมาตรฐานฉลากเขียวจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ในปี 2546 ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับฉลากเขียวจำนวน 10 รุ่น และในปี 2553 เรายังมีแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์ของเราเข้าสู่มาตรฐานฉลากเขียวอีกจำนวน 10 รุ่น นอกจากนี้แคนนอนยังคงสานต่อโครงการ "พลังงานสีขาว เพื่อโลกสีเขียว" ซึ่งได้ติดตั้งกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อนำไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องสมุดให้กับโรงเรียนในชนบททั่วประเทศ ซึ่งตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือนกันยายน 2551 จนถึงปัจจุบันได้มีการติดตั้งกังหันลมให้กับโรงเรียนไปแล้วทั้งสิ้น 19 แห่งทั่วทุกภาคของประเทสไทย โดยได้มุ่งเน้นถึงการมีส่วนร่วมของคณะครู นักเรียนและคนในชุมชน นอกจากนี้บริษัทยังดำเนินกิจกรรมด้านสังคมในรูปแบบอื่นๆไม่ว่าจะเป็นการให้การสนับสนุนด้านการศึกษา กีฬา สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมอีกด้วย สำหรับผลประกอบการของปี 2553 ที่ผ่านมา แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) มีอัตราการเติบโตร้อยละ 13 คิดเป็นรายได้รวม 7.76 พันล้านบาท โดยมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล-กล้องวีดีโอดิจิตอล และคอมแพค โฟโต้ พรินเตอร์ 3.98 พันล้านบาท กลุ่มพรินเตอร์อิงค์เจ๊ทพรินเตอร์ และเลเซอร์พรินเตอร์ และเนทเวิร์ค คาเมร่า 2.62 พันล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องถ่ายเอกสาร 1.1 พันล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดคือ กล้องดิจิตอลซิงเกิ้ลเลนส์ (DSLR) มีอัตราเติบโตจากส่วนแบ่งตลาด 62% ในปี 2552 เป็น 66%ในปี 2553 แคนนอนคาดว่า ในปี 2554 ดีกรีการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างผู้เล่นอื่นๆในตลาดจะเพิ่มสูงขึ้น ทั้งการแข่งขันเชิงนวัตกรรม การทำตลาด ณ จุดขาย ข้อเสนอจูงใจในการชำระเงิน และการสร้างภาพลักษณ์ผ่านการโฆษณา ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งผลดีต่อการเติบโตของตลาดในภาพรวม ช่วยสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้เกิดการซื้อ สำหรับแคนนอนยังคงสานต่อกลยุทธ์ One For All Delight ในทั้ง 3 ด้าน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้ตลาดเติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา และผลักดันส่วนแบ่งตลาดของแคนนอนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย ภาพรวมตลาดกล้องในปีนี้ แคนนอนตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 5.07 พันล้านบาท กลุ่มพรินเตอร์เพิ่มเป็น 2.99 พันล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องถ่ายเอกสาร 1.24 พันล้านบาท และผลักดันให้ บ. แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง ไทยแลนด์ เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 หรือคิดเป็น 9.32 พันล้านบาท รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ปฐนียา ศิริประพฤทธิ์ โทร. 0 2344 9999 ต่อ 134 Pataneeya_Siripraprut@cmt.canon.co.th อาร์ค เวิลดไวด์ ประเทศไทย ญาดา ศรีสัมมาชีพ (นุ่น) โทร + 66 2 684 5589 พัชริดา จิรภิญโญ (นก) / โทร + 66 2 684 5589

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ