กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--ก.ล.ต.
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า การพัฒนาตลาดทุนไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องสร้างฐานผู้ลงทุนที่แข็งแกร่ง แต่ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการลงทุนมีเพียง 7% ของประชากรวัยผู้ใหญ่เท่านั้นที่ลงทุนในตลาดทุน ดังนั้น การสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของการลงทุนและวิธีการลงทุนที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาตลาดทุนไทยตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทยที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและแผนกลยุทธ์ของ ก.ล.ต. ปี 2553-2555
ในเรื่องนี้ ก.ล.ต. จะดำเนินการ 3 ด้านควบคู่กัน ได้แก่
(1) ผลักดันในระดับประเทศ โดยร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ให้การพัฒนาความรู้พื้นฐานทางการเงินแก่ประชาชนเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติ โดยครอบคลุมประชาชนวงกว้างตั้งแต่เด็ก เยาวชน วัยทำงาน ไปจนถึงวัยใกล้เกษียณ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดวิธีดำเนินการต่อไป
(2) ผลักดันให้สถาบันตัวกลาง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และธนาคารพาณิชย์ที่ทำหน้าที่ขายสินค้าการลงทุน และผู้ประกอบวิชาชีพ เช่น ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน ผู้วิเคราะห์หลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน และนักวางแผนการเงิน รวมถึงสมาคมที่เกี่ยวข้อง ตระหนักถึงบทบาทและทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ลูกค้า โดยเริ่มจากการทำความรู้จักลูกค้าเพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจของลูกค้าและระดับความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ ตลอดจนให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าที่เหมาะสม ตามหลักปฏิบัติที่ได้มาตรฐาน
(3) ก.ล.ต. ให้ความรู้ผ่านกิจกรรมและช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ โดยจัดทำแผนพัฒนาความรู้และศักยภาพผู้ลงทุนไทยปี 2554 — 2556 ที่มีกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทั้งผู้ที่ลงทุนอยู่แล้ว และผู้ที่จะเข้ามาเป็นผู้ลงทุนในอนาคต โดยกำหนดสาระความรู้ รูปแบบกิจกรรมและช่องทางให้เหมาะสมและสอดคล้องกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ จะมีการสำรวจผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรม ประเมินระดับความรู้ และความพึงพอใจต่อกลไกการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนของ ก.ล.ต. ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงแผนงานการให้ความรู้ผู้ลงทุน รวมทั้ง ปรับแนวทางการกำกับดูแลให้เหมาะสม
“แผนพัฒนาความรู้และศักยภาพผู้ลงทุนไทยของ ก.ล.ต. จะมุ่งเน้นให้ประชาชนเห็นความจำเป็นของการลงทุน และเข้ามาลงทุนอย่างผู้รู้ สามารถปกป้องประโยชน์ตนเองได้ ซึ่งจะทำให้มีทัศนคติที่ดีและมองว่าตลาดทุนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างฐานผู้ลงทุนรองรับการพัฒนาตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยต่อไป” นายธีระชัย กล่าว