กรุงเทพฯ--3 ส.ค.--ไทยธนาคาร
นายฐาภพ คลี่สุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ไทย ธนาคาร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาลูกหนี้กลุ่มเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง กรุ๊ป ซึ่งมีวงเงินกับธนาคารในประเทศและต่างประเทศรวมถึงธนาคารรัฐทุกแห่ง รวม 9 แห่ง ประมาณ 12,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้ธนาคารได้ติดตามถึงความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารได้ทำการยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นธนาคารแห่งแรกที่ดำเนินการในลักษณะดังกล่าว นอกเหนือจากนี้ ทางไทยธนาคารยังได้ยื่นฟ้องคดีเช็คต่อศาล และดำเนินการเพื่อฟ้องร้องในทางแพ่งต่อบริษัทฯควบคู่กันไปด้วย
สำหรับลูกหนี้กลุ่มเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง กรุ๊ป ได้ใช้วงเงินกับธนาคารมาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งขณะนั้นถือเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก โดยมีกลุ่มสหพัฒน์ฯ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และมีผลการดำเนินงานที่เติบโตมาโดยตลอด จนในปี 2548 ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งในส่วนของไทยธนาคารมิได้นิ่งนอนใจ ได้มีการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยได้ทยอยลดวงเงินการให้สินเชื่อแก่บริษัทฯ มาอย่างต่อเนื่อง จนเหลือรวม 1,760 ล้านบาท ณ 30 มิ.ย. 2550 ซึ่งแบ่งเป็นสินเชื่อ Cash ประมาณ 1,300 ล้านบาท ที่เหลือเป็นภาระค้ำประกัน ซึ่งปัจจุบันเนื่องจากลูกหนี้เริ่มค้างชำระ 1 เดือน เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มธนาคารจึงได้แต่งตั้งให้บริษัทเคพีเอ็มจี ภูมิชัย ที่ปรึกษาธุรกิจ เข้าตรวจสอบสินทรัพย์ และได้ข้อสรุปว่าธนาคารอาจจะไม่ได้รับการชำระหนี้บางส่วน ไทยธนาคารจึงได้ทำการตั้งสำรองจำนวน 695 ล้านบาท และพร้อมจะทำการตั้งสำรองเพิ่มเติมในครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ ในเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมาคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงของธนาคารก็ได้มีการหารือเพื่อแก้ไขปัญหามาเป็นระยะ นอกจากนี้ทางธนาคารก็ได้รายงานต่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ระดับสูง ฝ่ายกำกับและตรวจสอบของธปท. รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ในระยะแรกที่ธนาคารทราบถึงปัญหา
ส่วนในกรณีที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้มีความประสงค์ที่จะให้คณะกรรมการของไทย ธนาคารแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อดูแลและตรวจสอบนั้น ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว โดยจะนำผลที่ได้ดำเนินการตรวจสอบตั้งแต่ในระยะแรกถึงปัจจุบันเข้ามาประกอบในการดำเนินการด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับการติดตามและแก้ไขปัญหาลูกหนี้กลุ่มเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง กรุ๊ป นั้น ธนาคารถือเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องรับผิดชอบและดูแลแก้ไขด้วยความใกล้ชิด รอบคอบ และระมัดระวังเป็นพิเศษ
อนึ่ง สำหรับการตั้งสำรองค่าเผื่อการด้อยค่าในเงินลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท CDO ชื่อ Coriolanus Series 39 จำนวน 276 ล้านบาทนั้น เป็นการตั้งสำรองเผื่อไว้ถึงแม้ว่าการลงทุนดังกล่าวยังมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ระดับการลงทุน (BBB-) อยู่ และยังไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ของตราสาร RMBS ใน CDO นั้นแต่อย่างใด