กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--
ผู้ว่าฯ ย้ำ “รอบคูเมืองเป็นผืนดินศักดิ์สิทธิ์ —งดขายงดดื่มของมึนเมา- ต้องช่วยกันรักษาประเพณีที่งดงามของเชียงใหม่สู่การยกย่องให้เป็น Creative City นครแห่งแรกของอาเซียน โดยยูเนสโก”
เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๓.๐๐ น. หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเปิดเวทีเสวนา “บทบาทสื่อมวลชน ต่อการแก้ไขปัญหาเหล้าบุหรี่และอุบัติเหตุ เพื่อลดความสูญเสียเทศกาลปีใหม่เมือง จ.เชียงใหม่” ณ โรงแรมเชียงใหม่ออคิด โดยมี นายแพทย์ ธีระวุฒิ โกมุทบุตร ประธานเครือข่ายความร่วมมือลดปัจจัยเสี่ยงเหล้า บุหรี่และอุบัติเหตุ ระดับจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้กล่าวคำรายงานสถานการณ์ปัญหา เชียงใหม่มีผู้เสียชีวิต 100คนต่อปี เฉพาะในอำเภอเมือง ส่วนต่างอำเภอรวมกันอีก 100 คน ไม่ตายขณะเกิดเหตุอีกเพียบ พิการทุพพลภาพทำให้ครอบครัวต้องรับภาระในการดูแลรักษาจำนวนมาก ร้อยละ 80 เป็นผู้ชายวันรุ่น อายุ 17ถึง25ปี ส่วนใหญ่ เมาแล้วขับรถจักรยานยนต์ ไม่สวมหมวกกันน็อค สะท้อนให้เห็นถึงการมอมเมากันมากโดยเฉพาะในเขต อ.เมือง
ด้านคุณวิษณุ ศรีทะวงค์ ผู้จัดการแผนงานทุนอุปถัมภ์เพื่อทดแทนธุรกิจแอลกอฮอล์ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงความพยายามในการทำงานร่วมกันหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและประชาชน โดยร่วมกันเฝ้าระวัง รณรงค์ทางสังคมและผลักดันนโยบายสาธารณะของคนเชียงใหม่ ปีที่ผ่านมา สามารถลดการตายเป็นศูนย์ บาดเจ็บและเหตุทะเลาะวิวาทจาก ๒๖ เหลือเพียง ๑๑ รายในรอบคูเมืองเชียงใหม่ และปีนี้มีพื้นที่ร่วมประกาศเจตนารมณ์จัดโซนนิ่ง เล่นน้ำปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์ จำนวนมากถึง ๔๐ กว่าจังหวัดทั่วประเทศ พบนักท่องเที่ยวกว่าร้อยละ ๘๕ ชื่นชอบแห่มาร่วม ไม่หวั่นเหตุความรุนแรง (ข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวประชาชน พื้นที่ จ.เชียงใหม่เทศกาลสงกรานต์ปี ๒๕๕๓ โดยกองการศึกษา เทศบาลนครเชียงใหม่)
หม่อมหลวงปนัดดา กล่าวว่า “ความรื่นเริงไม่ใช่เป็นสิ่งยั่งยืน เกิดขึ้นชั่วครู่ชั่วยาม และรอบคูกำแพงเมืองเชียงใหม่เป็นพื้นดินศักดิ์สิทธ์ เป็นสิ่งที่คนเชียงใหม่ต้องช่วยกันขบคิด อนุรักษ์สถานที่สำคัญประเทศชาติให้ดำรงอยู่ ด้านกระทรวงวัฒนธรรมและองค์การยูเนสโก (องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ: The United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization= UNESCO) กำลังจะนำเสนอให้เชียงใหม่เป็น “Creative city” ซึ่งจะเป็นนครแห่งแรกของอาเซียน เนื่องจากคนเชียงใหม่มีความโดดเด่นด้านน้ำใจไมตรี ความอ่อนน้อมถ่อมตนและศิลปวัฒนธรรมประเพณีที่งดงาม จนเป็นที่จดจำ น่าจารึกบันทึกไว้ เป็นที่น่าปลาบปลื้มยินดีที่มีเยาวชนคนรุ่นใหม่มาเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อน มีความห่วงใยกังวลกับปัญหาสังคม ท่านคือความหวังของเราและประเทศชาติ คนรุ่นเก่าก็มีกำลังถดถอยลดน้อยไปทุกขณะ
ส่วนเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่นเรื่องหมวกนิรภัย 100% นั้นมีคนบอกว่าไม่มีอะไรจะทำกันแล้วหรือ? มีคนตลกขบขัน บอกใส่เฉพาะช่วงถนนที่กำหนด พ้นจากนั้นแล้วท่านจะถอดออก แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย ทุกท่านที่ไม่เคยชินกับเข็มขัดนิรภัยแต่มาวันนี้บอกไม่คาดเข็มขัดก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง อยากให้การสวมหมวกเป็นอย่างนั้นด้วย แต่เรื่องสุรายากขึ้นไปกว่านี้ ทางจังหวัดมีความพยายามแก้ไขปัญหา ก็เห็นว่างานลอยกระทงนั้นมีการปฏิบัติกันอย่างเข้มงวดได้ผลดี พี่น้องชมเชย ตลอดจนถึงงานฤดูหนาวที่ผ่านมา แม้มีตราสัญลักษณ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มีเครือข่ายโทรไปแจ้ง มีความตื่นตัว เพราะอย่างไรงานกาชาดนั้นก็ไปกันไม่ได้กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้นทุนที่ต้องจ่ายออกไปกับการรับบริจาคนั้นขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงเหล่านั้นทำให้พ่อแม่ที่รักลูก ปล่อยลูกไปเที่ยวแล้วไปลับ บ้างจมน้ำเสียชีวิต เป็นทุกข์มาก เพราะคนที่ดื่มแล้วก็รู้สึกว่าเล็กไปหมดทุกเรื่อง ทำได้ทุกอย่าง ๒ วันมานี้ มี เจ้าหน้าที่ DSI มาสุ่มตรวจยาเสพติดตามร้านต่าง ๆ เสียดายข่าวรั่วจับไม่ได้ นี่เป็นเรื่องทางราชการที่ขยันในสิ่งที่ไม่ควรขยัน ไปบอกพื้นที่ แต่เรื่องที่ควรกลับไม่ขยันทำหน้าที่...
สุดท้ายนี้ขอวิงวอนเครือข่ายสื่อมวลชน ประชาชน เยาวชนและหน่วยงานราชการได้ช่วยกันทำงานเพื่อลดความสูญเสียในเทศกาลที่กำลังจะมาถึงนี้ เพราะไม่มีเรื่องใดหากไม่ช่วยกันทำแล้วจะไม่สำเร็จ ยินดีที่จะสนับสนุนแนวทางที่ท่านนำเสนอมาพร้อมกันนี้”
ส่วนทาง พ่ออินสม ปัญญาโสภา นายกสมาคมสื่อมวลชนภาคเหนือ (รักษาการ) และบรรณาธิการ น.ส.พ ไทยนิวส์ (ประธานที่ปรึกษา) ได้ให้ความเห็นช่วงท้ายเวทีเสวนาว่า “การทำงานเพื่อลดการดื่มการตาย ต้องอาศัยการรณรงค์ต่อเนื่อง ฟังสองสามปีดีขึ้น ปี ๕๓ เบาบางลงขอให้ทำงานต่อไป อีกหน่อยคนก็รู้ว่างานเชียงใหม่เป็นงานปลอดเหล้าเบียร์ มันมีความสำเร็จเกิดขึ้นแล้ว แต่อย่างไรก็ตามหากเห็นว่าไม่สำเร็จ ไม่สำเร็จก็ต้องทำ ผมทำมามาก ทำมานาน พูดจนเหนื่อย พูดคนเดียว แต่วันนี้รู้ว่าจริง ๆ ไม่ใช่ เห็นเครือข่ายเพิ่มขึ้น เห็นนักศึกษาที่งานบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ปีแล้ว ปลื้มใจไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าสามารถดึงมาทั้งหมด ๘ มหาลัยรวมทั้งขยายไปอาชีวะ เอาทุกระดับ คนรุ่นใหม่นั้นสำคัญ ต้องไม่มั่วสุม”
ทางด้านสื่อมวลชนหลายแขนง ประกอบด้วย ผู้ผลิตรายการ สาระดีลานนาทางช่อง NBT,รายการวิทยุ สทร.๑๑ (กองทัพเรือ)และผู้ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ธุรกิจภาคเหนือเป็นผู้ร่วมเวทีเสวนา และมีรายการวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ในท้องถิ่นมากมายเสนอแนวทางดำเนินงานร่วมกัน ดังนี้
๑. สื่อที่ร่วมเสวนาบนเวทีไม่มีการรับสปอนเซอร์โฆษณาจากธุรกิจ สุรา, บุหรี่, บาร์เบียร์ต่าง ๆ
๒. ยินดีให้เครือข่ายใช้ช่องทางนำเสนอกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ รณรงค์ลดค่านิยมการดื่มเหล้า เบียร์และอื่น ๆ ผ่านรายการ (หนังสือพิมพ์ธุรกิจภาคเหนือ ให้เนื้อที่ ๑ หน้า,รายการวิทยุร่วมพูดรณรงค์และนำสปอตวิทยุเผยแพร่ทุกช่วงเวลา,รายการสาระดีลานนาให้เปิดสปอตรณรงค์ ๓๐ วินาทีฟรี)
๓. หากมีกิจกรรมที่เครือข่ายทำร่วมกันกับเยาวชนและอนุรักษ์วัฒนธรรม ยินดีเข้าร่วม รวมถึงช่วยจัดหาทุนสนับสนุนเพื่อเปิดพื้นที่สร้างสรรค์กิจกรรมแก่เด็กเยาวชน