ฟิทช์ คงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ของบริษัทฟินันซ่า จำกัด (มหาชน)

ข่าวทั่วไป Monday January 22, 2007 12:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ม.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National rating) ระยะยาวของบริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) (“FNS”) ที่ ‘BBB(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F3(tha)’ ฟิทช์ยังได้คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ให้แก่ตั๋วแลกเงิน มูลค่า 400 ล้านบาท อายุ 270 วัน ซึ่งออกโดย FNS และได้รับการค้ำประกันเงินต้นในสัดส่วน 50% โดย The Netherlands Development Finance Company (“FMO”) ที่ระดับ ‘F2(tha)’
อันดับเครดิตของ FNS สะท้อนถึงโครงสร้างของบริษัทที่เป็นบริษัทโฮลดิ้ง การกระจายความเสี่ยงของรายได้ และเงินกองทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการที่โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่ได้ประกอบไปด้วยสถาบันการเงินที่แข็งแกร่ง ความเสี่ยงทางด้านเครดิตและความเสี่ยงทางด้านตลาด (market risk) ที่อาจเกิดขึ้นได้ และการพึ่งพารายได้ค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์ และรายได้จากการลงทุนและการค้าหลักทรัพย์เพื่อบริษัทเอง (proprietary trading) ที่ค่อนข้างผันผวน การที่ FNS ขาดการสนันสนุนจากผู้ถือหุ้นที่เป็นสถาบันการเงินที่แข็งแกร่งส่งผลให้บริษัทมีความเสี่ยงที่จะถูกกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ หรือในช่วงที่สภาวะตลาดผันผวน บริษัท แนเชอรัล พาร์ค (“NPARK”) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ FNS มีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอ และได้แสดงเจตน์จำนงค์ที่จะขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท
ในเดือนพฤษภาคม 2549 ฟิทช์ได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ FNS เป็นลบ จากเดิม มีเสถียรภาพ สืบเนื่องมาจากการประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2549 ของ FNS ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีสาเหตุหลักจากการตั้งค่าเผื่อขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการด้อยค่าของเงินลงทุนที่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ และการลาออกของทีมเจ้าหน้าที่การตลาดซึ่งดูแลลูกค้าหลักทรัพย์รายย่อยของบริษัท การว่าจ้างทีมเจ้าหน้าที่การตลาดซึ่งดูแลลูกค้าหลักทรัพย์รายย่อยของบริษัททีมใหม่ แนวโน้มเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น และแผนการของ FNS ที่จะปรับปรุงระบบควบคุมความเสี่ยงและการเปิดเผยข้อมูลน่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีเสถียรภาพ แม้ว่าสภาวการณ์ของตลาดจะยังคงอ่อนแออยู่
ผลกำไรสุทธิของ FNS ลดลงเป็น 102.4 ล้านบาท ในปี 2548 จาก 477.6 ล้านบาทในปีก่อนหน้า เนื่องจากการลดลงของรายได้ค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์ รายได้จากการลงทุน รายได้จากธุรกิจเงินทุน และรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ รวมทั้งการบันทึกต้นทุนบางส่วนในการจัดตั้งบริษัทลูกภายในประเทศซึ่งดำเนินธุรกิจบริหารกองทุน ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2549 FNS ได้รายงานผลขาดทุนสุทธิ 217.5 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการถดถอยอย่างมากจากผลกำไรสุทธิ 161.5 ล้านบาท ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 เนื่องมาจากผลขาดทุนจากการลดลงของมูลค่าเงินลงทุน ผลขาดทุนจากบริษัทลูกซึ่งประกอบธุรกิจเงินทุน และส่วนแบ่งผลกำไรจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลง
ฟิทช์ได้ตั้งข้อสังเกตว่าความเสี่ยงทางด้านเครดิตของ FNS มีพื้นฐานมาจากธุรกิจเงินทุนและการลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ FNS อยู่ที่ระดับ 473.5 ล้านบาทหรือ 15.7% ของสินเชื่อทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากระดับ 273.1 ล้านบาทหรือ 12.7% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2548 เนื่องมาจากหลักเกณฑ์การจัดชั้นสินเชื่อเชิงคุณภาพของธนาคารแห่งประเทศไทย (“BOT”) ที่เข้มงวดขึ้น ระดับสำรองหนี้สูญของบริษัทอยู่ในระดับต่ำที่ 106.2 ล้านบาท ระดับสำรองหนี้สูญดังกล่าวเทียบเท่ากับ 22.4% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ สะท้อนถึงความเสี่ยงที่บริษัทอาจต้องกันสำรองหนี้สูญเพิ่มเติมในอนาคต บริษัทลูกซึ่งดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ของ FNS ก็ยังเผชิญกับความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าซึ่งซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยการใช้บัญชีมาร์จิ้นและความเสี่ยงจากการรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ความเสี่ยงทางด้านตลาดของ FNS ก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน เนื่องมาจากการที่บริษัทต้องพึ่งพาการลงทุนและการค้าหลักทรัพย์เพื่อบริษัทเอง ค่อนข้างมาก
อัตราส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนต่อหนี้สินหมุนเวียนของ FNS ที่ 1.2 เท่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 ได้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับภาระหนี้สินระยะสั้น บริษัทยังมีวงเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินประมาณ 5 พันล้านบาท นอกจากนี้ FMO ยังได้ให้วงเงินในการค้ำประกันหนี้บางส่วนเป็นจำนวน 1 พันล้านบาทแก่ FNS โดยบริษัทยังไม่ได้ทำการเบิกใช้วงเงินจำนวน 800 ล้านบาท ในกรณีที่บริษัทต้องการที่จะระดมเงินทุนผ่านการออกตราสารหนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 อัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ของ FNS อยู่ที่ 28.6% ซึ่งเป็นระดับที่เพียงพอสำหรับการประกอบธุรกิจวาณิชธนกิจ
FNS ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2534 โดยอดีตคณะผู้บริหารของธนาคารเชส แมนฮัตตัน (ประเทศไทย) ได้ให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย อันได้แก่ธุรกิจการจัดการกองทุน ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจวาณิชธนกิจ และสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ โดยดำเนินธุรกิจผ่านทางบริษัทลูกทั้ง 4 บริษัท ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในปัจจุบันได้แก่ NPARK ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน18% และผู้บริหารระดับสูง ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 30%
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์, Vincent Milton, กรุงเทพฯ
+662 655 4762/4759
David Marshall, ฮ่องกง
+852 2263 9963

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ