กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ข้อมูลทองคำวันนี้
- ราคาสมาคม เปิดที่ 20,450 - 20,550
- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,427.9
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.32 — 30.34
- GFJ11 Hi- Low 20,770 — 20,680 ปิดที่ 20,750
Gold & Silver Insight
สัญญาทองคำ และ โลหะเงินตลาด COMEX
ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 7.30 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,427.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,423.60-1,437.20 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 20.70 เซนต์ ปิดที่ 35.658 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบยังส่งผลให้ความต้องการถือครองทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงจากเงินเฟ้อนั้น ปรับตัวลดลงด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
พุ่งขึ้น 124.35 จุด หรือ 1.03% ปิดที่ 12,214.38 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.69 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 1,321.82 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 20.14 จุด หรือ 0.73% ปิดที่ 2,765.77 จุด หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายจากความวิตกกังวลในช่วงก่อนหน้านี้ที่ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา ส่งสัญญาณว่าจะเพิ่มการจ่ายเงินปันผล
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 42 เซนต์ ปิดที่ 105.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 103.33-105.79 ดอลลาร์ หลังจากชีค อาห์หมัด อัล-อับดุลเลาะห์ รมว.พลังงานคูเวต กล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) กำลังหารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มเพดานการผลิตเพื่อรับมือกับภาวะพลังงานขาดแคลนอันเนื่องมาจากสถานการณ์รุนแรงที่ยังคงยืดเยื้อในลิเบีย นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังพิจารณาเรื่องการะระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์เพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
กองทุน SPDR Gold Trust
กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 9 มีนาคม ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1217.30ตัน
USD/EU ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของหลายประเทศในกลุ่มยูโรโซน นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังได้รับผลกระทบจากการที่นักลงทุนเริ่มกังวลว่าเศรษฐกิจของประเทศยุโรปที่มีหนี้สูงนั้น อาจจะไม่สามารถต้านทานต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปในวันข้างหน้า ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.51% แตะที่ 1.3901 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3972 ดอลลาร์สหรัฐ
USD/JPYค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.56% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 82.670 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 82.210 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 82.840 เยนต่อดอลล่าร์
USD/THBค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 30.42-30.47บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.32-30.34
ข่าวเศรษฐกิจโลก
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะของกรีซ (PDMA) เปิดเผยว่า รัฐบาลกรีซได้ระดมทุนเพิ่มอีก 1.625 พันล้านยูโร (2.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านการออกพันธบัตรอายุ 6 เดือน โดยให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าการประมูลขายพันธบัตรเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยพันธบัตรอายุ 6 เดือนของรัฐบาลกรีซชุดนี้มีอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75% สูงกว่าการประมูลครั้งก่อนที่ระดับ 4.64%
- สหภาพยุโรป (อียู) ตัดสินใจขยายมาตรการคว่ำบาตรลิเบีย โดยพุ่งเป้าไปที่การอายัดทรัพย์สินของกองทุนความมั่งคั่งของลิเบีย ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอียูได้ประกาศห้ามการออกวีซ่าและอายัดสินทรัพย์ของนายมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ อีก 25 รายในลิเบีย คาดว่า ผู้นำอียูจะเข้าประชุมกันที่กรุงบรัสเซลส์ในวันศุกร์นี้เพื่อหารือถึงวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในลิเบีย
- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะเคลื่อนที่ระดับเฉลี่ย 102 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2554 เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้นไปแล้ว 15 ดอลลาร์นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลางและลิเบียเมื่อช่วงกลางเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยผลผลิตน้ำมันและก๊าซของลิเบียซึ่งเป็นผู้จัดหาพลังงานในสัดส่วน 2% ของอุปทานพลังงานทั่วโลก ได้ทรุดตัวลงไปแล้ว 60-90% ซึ่งเป็นผลมาจากการสู้รบกันระหว่างกลุ่มผู้ต่อต้านและกลุ่มผู้สนับสนุนพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย
- นายเฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีนคาดว่า จีนอาจก้าวขึ้นแซงหน้าญี่ปุ่นในฐานะประเทศที่ใช้สินค้าระดับไฮเอนด์มากที่สุดในโลกภายในปี 2558 การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งดังกล่าวมีสาเหตุมาจากจำนวนประชากรจีนที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก รายได้ที่เพิ่มขึ้น และจำนวนสินค้าแบรนด์ดังที่ผลิตในประเทศนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยมียอดการใช้จ่ายสินค้าระดับไฮเอนด์ในจีนเพิ่มขึ้น 23% ในปี 2553 พร้อมทั้งเสริมว่าจำนวนชาวจีนที่ซื้อสินค้าหรูจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 30%
- ประธานาธิบดีซูสิโล บัมบัง ยุดโดโยโน แห่งอินโดนีเซีย ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายระมัดระวังงเรื่องผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงที่มีต่อสินค้าประเภทอื่นๆ และยังได้ย้ำเรื่องการควบคุมเงินเฟ้อและดูแลราคาสินค้าให้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายหลังเหตุการณ์ความรุนแรงในลิเบีย
- อัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ขยายตัวขึ้น 2.1% ในเดือนม.ค. 2554 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขในเดือนธ.ค. โดยราคาพลังงานและอาหารยังคงขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก 8.4% และ 2.6% ตามลำดับในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ค่อนข้างสูง แต่โดยรวมแล้วไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดือนธ.ค. 2553
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
อาทิตย์ที่ ข้อมูลที่น่าจับตา ตัวเลขเดิม ตัวเลข คาดการณ์ ตัวเลขจริง
8 - 9 มีนาคม2554
วันอังคาร ? IBD/TIPP Economic Optimism 50.9 51.8 43.0
วันพุธ ? Wholesale Inventories m/m 1.0% 0.9%
? Crude Oil Inventories -0.4M 0.8M
? Treasury Sec Geithner Speaks - -