กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--ไอบีเอ็ม ประเทศไทย
กลุ่มทิสโก้ เลือกไอบีเอ็ม พัฒนาระบบไอที เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการเงินเต็มรูปแบบ ก้าวสู่การเป็นระบบธนาคารอัจฉริยะ มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร รองรับการขยายธุรกิจภายใน 3- 5 ปีนี้
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มทิสโก้ ในฐานะสถาบันการเงินชั้นนำที่พร้อมด้วยบริการทางการเงินที่ครบวงจร โดยมีวิสัยทัศน์คือ การตอบสนองทุกความต้องการทางด้านการเงินด้วยความทุ่มเท เพื่อช่วยสร้างความมั่งคั่ง และสร้างสรรค์คุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ลูกค้า ปัจจุบัน กลุ่มทิสโก้มีการขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านธุรกิจธนาคาร ธุรกิจจัดการกองทุน และธุรกิจหลักทรัพย์ โดยในปีที่ผ่านมาธุรกิจมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้ กลุ่มทิสโก้จะมุ่งขยายและพัฒนาการให้บริการ โดยการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของทิสโก้ เพื่อให้บริการทางการเงินให้แก่ลูกค้าอย่างครบวงจร และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น ดังนั้น หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัท คือการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีความพร้อม เพื่อรองรับการขยายธุรกิจดังกล่าว
“นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ดีที่สุด การมีเทคโนโลยีหรือระบบหลังบ้านที่ดีก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญ เพื่อเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และให้บริการลูกค้าเต็มรูปแบบได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ เชื่อถือได้ สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงเลือกไอบีเอ็มเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยี เพื่อเข้ามาช่วยวางระบบของเราให้มีความคล่องตัวมากขึ้น”
นางยุถิกา สนธยานาวิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มทิสโก้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวทางธุรกิจและระบบงานอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่มีประสิทธิภาพ และมีความยืดหยุ่นให้รองรับการขยายตัว ตลอดจนตอบสนองเรื่องระยะเวลา กลุ่มทิสโก้จึงใช้เทคโนโลยีของไอบีเอ็มใน 3 ด้านหลัก คือ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์, ระบบบริหารจัดการและตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานไอที และบริการเอาท์ซอร์สด้านไอที เพื่อพัฒนาให้ระบบไอทีของกลุ่มทิสโก้ มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร
ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ สำหรับฮาร์ดแวร์ ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์ Power Systems 770 โดยกลุ่มทิสโก้ถือเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ใช้ เซิร์ฟเวอร์ Power Systems 770 เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของไอบีเอ็ม ที่มีความโดดเด่นทั้งในแง่ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสำหรับเทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่น (Virtualization) หรือเทคโนโลยีเสมือน ทั้งยังช่วยประหยัดไฟ ประหยัดพื้นที่ พร้อมหน่วยประมวลผลที่สามารถรองรับการขยายตัวของปริมาณงานของทิสโก้ได้มากกว่าเดิม 2 เท่า นอกจากนี้ กลุ่มทิสโก้ยังพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทำงานอยู่บนซอฟต์แวร์ Websphere บนเครื่อง Power Systems 770 ของไอบีเอ็ม โดยประกอบด้วยระบบงานที่ให้บริการลูกค้าผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต เช่น TISCO e-Banking บริการข้อมูลเงินฝากและสินเชื่อของกลุ่มทิสโก้, TISCOASSET E-Trading Service บริการซื้อ/ขายกองทุนรวมออนไลน์ของ บลจ. ทิสโก้ เป็นต้น
ระบบบริหารจัดการและตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานไอที (IT Infrastructure Management & Monitoring System) กลุ่มทิสโก้เลือกใช้ซอฟแวร์ Tivoli สำหรับการบริหารจัดการ การตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพของโครงสร้างไอทีของกลุ่มทิสโก้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานไอที เช่น เซิร์ฟเวอร์ เครือข่าย ฐานข้อมูล ธุรกรรม และแอพพลิเคชั่น โดยจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาแสดงบนหน้าจอส่วนกลาง หรือแดชบอร์ด เพื่อใช้รายงานสถานะและติดตามความคืบหน้า โดยสามารถแจ้งเตือนเหตุการณ์ผิดปกติให้ผู้ดูแลระบบสามารถเข้าไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้ล่วงหน้าและทันท่วงที เพื่อไม่ให้กระทบกับบริการต่างๆ โดยสามารถตรวจสอบระบบและแจ้งเตือนโดยส่ง SMS ไปยังผู้ดูแลระบบ เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถค้นหาต้นเหตุของปัญหาได้ง่ายขึ้น เพื่อเป็นการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางด้านไอทีขององค์กร
บริการเอาท์ซอร์สด้านไอทีอื่นๆ (Outsourcing Service & Others) เช่นการบริการจัดการระบบและปฏิบัติการ Core Banking System, การออกแบบและสร้างศูนย์คอมพิวเตอร์สำรอง เป็นต้น โดยเป็นบริการต่อเนื่องหลังจากที่กลุ่มทิสโก้ให้ไอบีเอ็มดูแลระบบ Core Banking มาตั้งแต่ปี 2548
“โดยในภาพรวม จากการปรับปรุงระบบไอทีครั้งนี้ กลุ่มทิสโก้จะได้ประโยชน์หลัก 3 ประการ ได้แก่ ลูกค้าได้รับความพึงพอใจมากขึ้น จากช่วงเวลาตอบสนองต่อปัญหา (Response time) ที่รวดเร็วขึ้น ทั้งยังช่วยลดต้นทุนทางด้านไอที เนื่องจากใช้เซิร์ฟเวอร์และซอฟต์แวร์จำนวนน้อยลง และยังเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานจากการผนวกส่วนงานต่างๆ ให้เป็นเอกภาพมากขึ้น และการพัฒนาระบบไอทีครั้งนี้จะรองรับการเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ไปได้อีก 3 - 5 ปี” นางยุถิกา กล่าว
นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ไอบีเอ็มมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มทิสโก้ให้เป็นผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเพื่อรองรับการเติบโตต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นระบบธนาคารอัจฉริยะ และพัฒนาโซลูชั่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาศัยความเป็นผู้นำในด้านการนำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรโดยยึดตามหลักมาตรฐานของไอบีเอ็ม ในฐานะที่ไอบีเอ็มเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มทิสโก้มาเป็นเวลานาน ทางไอบีเอ็มพร้อมสนับสนุนกลุ่มทิสโก้ทุกด้านเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและมุ่งสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ในโอกาสที่ไอบีเอ็มครบรอบ 100 ปีในปีนี้ เรายังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโยลีอย่างต่อเนี่อง เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งช่วยสร้างรายได้และนวัตกรรมใหม่ๆให้แก่ลูกค้า ซึ่งทำให้ธุรกิจของลูกค้าธนาคารประสบความสำเร็จมากขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างวางใจเลือกไอบีเอ็มเป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้วยดีเสมอมา”
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของไอบีเอ็มได้ที่ www.facebook.com/IBMThailand
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
จินรี ตัณมณี โทรศัพท์ 02- 273- 4676 อีเมลล์ chinnare@th.ibm.com
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
เสาวนีย์ สันทบ โทรศัพท์ 02- 633- 6906 อีเมลล์ saowanees@tisco.co.th