กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
ที่มาของโครงการ
สังคมไทยเป็นสังคมที่มีขนบธรรมเนียมเคารพผู้อาวุโสกว่าในฐานะผู้มีประสบการณ์ชีวิต และเป็นผู้สั่งสมสืบทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น ผู้สูงอายุจึงได้รับการยกย่องให้เป็น สถาบันหนึ่ง ในสังคมไทยตลอดมา ตามโครงสร้างของสังคมไทย ผู้สูงอายุจะอาศัยอยู่กับครอบครัวและชุมชน โดยครอบครัวและชุมชนจะเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ และถือว่าผู้สูงอายุเป็นเสาหลักของชุมชน เป็นที่พึ่งพิงของลูกหลาน เป็นคลังปัญญาของชุมชน แต่การพัฒนาโดยรับ เอาค่านิยมโลกตะวันตกเข้ามาเป็นแบบวิถีดำเนินชีวิต ทำให้ครอบครัวและสังคมไทยเรามีลักษณะเป็นปัจเจกบุคคลมากขึ้น บทบาทของผู้สูงอายุคลายความสำคัญลง ต้องอยู่โดดเดี่ยวและแปลกแยกในสังคม กลายเป็นภาระที่สังคม (รัฐ) ต้องดูแล เมื่อผู้สูงอายุได้รับการดูแลเอาใจใส่มาทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ก็จะทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดี ทั้งในด้านอารมณ์ สังคม สติปัญญา และที่สำคัญคือ จิตวิญญาณของเหล่าผู้สูงอายุจะดีขึ้นตามไปด้วยส่งผลให้ผู้สูงอายุเหล่านั้นจะไม่เป็นภาระของครอบครัวและสังคม ในขณะเดียวกันหากผู้สูงอายุมีสุขภาพกายใจที่ดีแล้ว เขาเหล่านั้นก็จะมีพลังกลับมาเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณประโยชน์มีค่าต่อสังคมประเทศชาติ ช่วยเสริมสร้างให้สังคมไทยเข้มแข็งขึ้น ผู้คนในสังคมประเทศชาติทุกกลุ่มก็จะมีความสุขถ้วนหน้าอย่างยั่งยืนตลอดไป
ปัจจุบันแนวโน้มของผู้สูงอายุในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ปัจจัยความเสี่ยงในการเกิดโรคก็เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่สิ่งใกล้ตัวไปจนถึงเรื่องไกลตัว ดังนั้นการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุตระหนักถึงการดูแลสุขภาพ และให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง ทั้งทางด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ
ด้วยวิวัฒนาการที่ก้าวล้ำไปไกล ทำให้การรักษากระจายตัวไปอย่างทั่วถึง ทั้งเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ประกอบกับการรักษาที่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย การแนะนำและการประชาสัมพันธ์ให้ผู้สูงอายุรู้จักการดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆเป็นสิ่งที่ต้องเร่งรีบ ซึ่งแนวความคิดดังกล่าวทำให้เกิดการคิดกิจกรรมการรับสมัครผู้สูงอายุในสายอาชีพต่างๆ เพื่อเป็นการกระจายความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณค่าของสุขภาพ คุณค่าของการมีสุขภาพที่แข็งแรง รวมไปถึงการจัด กิจกรรมการแข่งขันการเล่นเกมส์ และคัดเลือกผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี แข็งแรงทั้งสุขภาพกายสุขภาพใจ ค้นหาผู้สูงอายุที่มีหัวใจแกร่งที่สุด พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติตนเมื่อเกิดโรคต่างๆ โดยคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนให้ความรู้และแนะนำวิธีดูแลตนเอง เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้สูงอายุหันมาใส่ใจกับการดูแลตัวเอง
วัตถุประสงค์ของโครงการ
โครงการสูงวัย...หัวใจแกร่งเป็นการปฏิบัติตามหลักการและนโยบายของสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิต สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจให้ดีมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพื่อให้ผู้สูงอายุรับทราบถึงผลดีของการมีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดี
2. เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการ หรือเคล็ดลับในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ
3. เพื่อสร้างให้ผู้สูงอายุตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง สามารถสื่อสาร หรือถ่ายทอดประสบการณ์อันมีค่าในช่วงชีวิตที่เคยผ่านมาให้คนรุ่นหลังได้รับรู้
4. เพื่อลดช่องว่างและความห่างของคนรุ่นใหม่และคนสูงอายุให้ได้เข้าใจพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามช่วงอายุ
ชั้นตอนการรับสมัคร
ขั้นตอนการเปิดรับสมัครดำเนินการ จัดกิจกรรมรับสมัครผู้เข้าแข่งขันกิจกรรม “สูงวัย...หัวใจแกร่ง” จำนวน 5 ครั้ง 5 สถานที่ ใช้สวนสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่
- สวนลุมพินี วันที่ 26 มีนาคม 2554 เวลา 06.30 — 11.30 น.
- สวนรถไฟสวนธนบุรีรมย์ วันที่ 27 มีนาคม 2554 เวลา 06.30 — 10.00 น.
- สวนธนบุรีรมย์ วันที่ 28 มีนาคม 2554 เวลา 06.30 — 10.00 น.
- สวนหลวง ร.9 วันที่ 29 มีนาคม 2554 เวลา 06.30 — 10.00 น.
- สวนพฤกษชาติ วันที่ 30 มีนาคม 2554 เวลา 06.30 — 10.00 น.
คุณสมบัติผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ
- อายุระหว่าง 60 - 70 ปี
- ไม่จำกัดเพศ
- ไม่จำกัดอาชีพและการศึกษา
- มีสุขภาพจิตดี สุขภาพกายแข็งแรง
- ไม่ป่วยเป็นโรคติดต่อร้ายแรง
เอกสารประกอบการรับสมัคร
- สำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ
หลักเกณฑ์การให้คะแนน
หมวด 1 (30 คะแนน)
1.ความสนใจตนเอง สังคม และ สิ่งแวดล้อม 10 คะแนน
2.ความสมบูรณ์ของจิตใจ และสมอง 10 คะแนน
3. ระบบประสาทและความเคลื่อนไหว 10 คะแนน
หมวด 2 (50 คะแนน)
1.ทรวดทรง การเดิน ความแข็งแรง ความสดชื่น 20 คะแนน
2.น้ำหนักและส่วนสูง Body mass index ตามเกณฑ์ที่กำหนด 20 คะแนน
3.ความสะอาดเสื้อผ้า ผิวหนัง ผม เล็บ และกลิ่นของร่างกาย 10 คะแนน
หมวด 3 (20 คะแนน)
1.Hematocrit (Hct.) 10 คะแนน
2.ความดันโลหิต 10 คะแนน
หมวด4 (60 คะแนน)
1. อนามัยช่องปาก 20 คะแนน
2. สุขภาพฟัน 20 คะแนน
3. สุขภาพเหงือก 10 คะแนน
4. คะแนนฟันปลอม 10 คะแนน
หมวด5 (40 คะแนน)
1. ตาและการมองเห็น 20 คะแนน
2. คอ จมูก และเยื่อบุจมูก 10 คะแนน
3. หูและการได้ยิน 10 คะแนน
หลังจากการเปิดรับสมัคร ผู้เข้าแข่งขันจะถูกคัดเลือกเบื้องต้น จากคะแนนการตรวจสุขภาพและมอบให้คณะกรรมการจากสำนักการแพทย์ช่วยคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมผ่านเข้ารอบจำนวน 32 คน จากนั้นจะประกาศผลทาง เว็บไซต์ www.sungwai.com พร้อมเรียนเชิญเข้าร่วมกิจกรรม Workshop เพื่อคัดเลือกจนเหลือผู้เข้าแข่งขันจำนวน 16 คนต่อไป