กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--ซิลเลเบิล
กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ฉลองโอกาสครบรอบ 59 ปีแห่งการสถาปนาด้วยสองกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ งานเปิดตัว “สำนักส่งเสริมธุรกิจ SMEs เพื่อการส่งออก” (Office of SMEs Support Solution) และการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) และยักษ์ใหญ่ออนไลน์ ราคุเท็น อิงค์ (Rakuten Inc) ที่ติดอันดับหนึ่งในห้าของโลกรวมถึง www.tarad.com เว็บไซต์ในเครือที่ดำเนินธุรกิจในไทย เตรียมพร้อมผลักดันสินค้าและบริการไทยสู่ตลาดญี่ปุ่นและตลาดโลก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางพรทิวา นาคาศัย ให้เกียรติมาเป็นประธานในงานซึ่งจัดขึ้นอย่างน่าประทับใจที่สำนักส่งเสริมธุรกิจSMEs เพื่อการส่งออก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 3 ของอาคารกรมส่งเสริมการส่งออก ณ กระทรวงพาณิชย์ นนทบุรี โดยมีอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค และผู้อำนวยการสำนักฯ นายพิสิษฐ์ กิจวิริยะ ร่วมให้การต้อนรับผู้บริหาร แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน
“ดิฉันเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า กลยุทธ์ในการก่อตั้งสำนักส่งเสริมธุรกิจ SMEs เพื่อการส่งออก เพื่อให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนนโยบาย พร้อมกับการประสานความร่วมมือทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องแบบบูรณาการ จะช่วยขจัดอุปสรรคและปัญหา รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงโอกาสและประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านการรับรู้ข่าวสารและรับบริการ รับการส่งเสริมพัฒนา เพิ่มขีดความสามารถในการผลิต การบริหารจัดการและการตลาด รวมทั้งการรับสิทธิประโยชน์และความสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การเข้าถึงแหล่งทุน และโอกาสในการพัฒนาเชื่อมโยงเครือข่ายและอื่นๆ”
อธิบดีนันทวัลย์ ได้เปิดเผยถึงที่มาของสำนักฯแห่งใหม่นี้ “สืบเนื่องจากนโยบายของ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านพรทิวา นาคาศัย ที่มุ่งเน้นการสนับสนุน ผลักดัน ช่วยเหลือและสร้างผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่เข้าสู่ภาคการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นกลไกที่สำคัญยิ่งในการผลักดันการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นทั้งเชิงปริมาณและมูลค่าการค้า และการส่งออกรวมของประเทศได้อย่างมั่นคง กรมส่งเสริมการส่งออกจึงได้ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการภายใน เพื่อสอดรับและตอบสนองนโยบายดังกล่าว จนพร้อมให้บริการสมบูรณ์แบบในวันนี้เพื่อร่วมสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้ SMEs”
ในโอกาสเดียวกันนี้ อธิบดีนันทวัลย์ได้ทำหน้าที่ตัวแทนกรมส่งเสริมการส่งออกในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับตัวแทนฝ่ายญี่ปุ่น ได้แก่ Mr. Munenori Yamada ประธานองค์การ JETRO Mr. Masatada Kobayashi เจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส จาก ราคุเท็น อิงค์ Mr. Toshiya Matsuo ประธานและซีอีโอ ราคุเท็น ประเทศไทย และ นายปวุฒิ พงศ์วิทยาภาณุ กรรมการผู้จัดการบริษัท TARAD Dot Com จำกัด
จากการเปิดเผยของรัฐมนตรีว่าการฯ ตลอดเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ภาคการส่งออกของไทยได้มีการขยายตัวเติบโตอย่างน่าพอใจและต่อเนื่อง “จากมูลค่าการส่งออกรวม 32,600 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2535 เป็น 58,300 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2540 และขยายเพิ่มขึ้นเป็น 153,800 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2550 และ 195,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ ยังมุ่งหวังผลักดันการส่งออกสินค้าและบริการให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งมีธุรกิจอยู่มากกว่า 2.85 ล้านราย และจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่โอกาสกำลังเปิดกว้างจากผลของการเปิดเสรีทางการค้า และการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างสมบูรณ์อีกในไม่ช้า”
ในส่วนของ ราคุเท็น กรุ๊ป ได้ดำเนินุธุรกิจให้บริการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ภายใต้ชื่อเว็บไซต์ยอดนิยมของญี่ปุ่น คือ www.rakuten.co.jp มีเครือข่ายธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก มีสมาชิกเครือข่ายในญี่ปุ่นประมาณ 35,000 ราย และมีการซื้อขายสินค้าปีละกว่า 300,000 ล้านบาท ในแต่ละปีจะมีผู้บริโภคเข้ามาชมและเลือกซื้อสินค้า ถึง 26 ล้านคนซึ่งหมายความว่าสินค้าไทยจะได้ประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวางบนเว็บไซต์นี้ และสำหรับในเมืองไทยผู้บริโภคสามารถหาชมและสั่งซื้อได้ผ่าน www.tarad.com ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกัน
ประธาน JETRO ได้กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “ผู้บริโภคในญี่ปุ่นให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับคุณภาพของสินค้า ดังนั้นการที่กรมฯ จะเป็นผู้คัดสรรบริษัทที่นำสินค้ามาจำหน่ายทางเว็บไซต์นี้ก็เท่ากับเป็นการให้การรับรองในคุณภาพ”
ในขณะเดียวกัน Mr. Matsuo ผู้บริหารของ บริษัท TARAD Dot Com ให้ความเห็นว่าการที่ กรมฯจะเร่งพัฒนาด้านตลาดออนไลน์จะสามารถช่วยผู้ประกอบการให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน “ด้วยความร่วมมือของ JETRO และ กรมฯ เราเชื่อว่าจะเกิดประโยขน์มหาศาลต่อผู้ประกอบการ และจะช่วยผลักดันสินค้าไทยให้ยกระดับชั้นเป็นเวิลด์คลาสในไม่ช้า” นอกจากนี้ยังได้เชิญชวนผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่ที่สนใจให้เข้ารับการอบรมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในวันที่ 15 มีนาคมนี้ที่โรงแรม เลอ เมอริเดียน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 18.00 น.
ในการนี้ นายพิสิษฐ์ กิจวิริยะ ผู้อำนวยการสำนักฯ ได้กล่าวย้ำว่า “กรมฯมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยพัฒนา แนะนำ และสนับสนุน SMEs รายใหม่ๆในภาคการส่งออก พร้อมๆไปกับการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าและบริการของไทยสู่ผู้บริโภคทั่วโลก เราได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันช่วยพัฒนาผู้ประกอบการของเราให้สามารถแข่งขันได้ และให้ความรู้รอบด้าน ทั้งเรื่องแหล่งทุน กฎเกณฑ์การส่งออก สิทธิประโยชน์ด้านภาษี แนวโน้มของตลาดและอื่นๆ ทั้งนี้โดยจัดให้มีศูนย์บริการ SMEs เพื่อการส่งออก พร้อมทั้ง การก่อตั้ง DEP SMEs Club ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเครือข่ายที่ให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำในลักษณะการให้บริการเต็มรูปแบบ”
ผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่ 1169 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.depthai.go.th หรือ www.depsmes.com
เผยแพร่ในนาม “กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์” โดยบริษัท ซิลเลเบิล จำกัด
ต้องการทราบรายละเอียด เพิ่มเติมกรุณาติดต่อ คุณสมคิด เจริญศักดิ์ / คุณภาราดา เกียวจันทึก
โทร. 0 2254 6895 -7/ 084-147-7575 โทรสาร 0 2650 7738