เจโทร เผย 3 ธุรกิจน่าลงทุนในญี่ปุ่น พร้อมแผนลดภาษีจากรัฐบาลญี่ปุ่น และการสนับสนุนการระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ MAI

ข่าวทั่วไป Monday March 14, 2011 15:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--เจโทร กรุงเทพฯ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร กรุงเทพฯ เผยข้อมูล 3 ธุรกิจน่าลงทุนในญี่ปุ่น เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยผ่านการลงทุนในญี่ปุ่น ทั้งนี้ ญี่ปุ่นยังคงนำเสนอโอกาสทางธุรกิจที่ดีเยี่ยมในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เจริญก้าวหน้าอย่างมาก แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องด้วยวิสัยทัศน์และประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ญี่ปุ่นจึงมีการเตรียมการมาอย่างดีเพื่อรับมือกับความเสี่ยงในกรณีต่างๆ จึงสามารถดำเนินแผนสำรองและฟื้นฟูสาธารณูปโภคที่สำคัญได้อย่างทันการณ์เพื่อให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและสังคมดำเนินไปอย่างราบรื่นดังที่ผ่านมา มร. มูเนโนริ ยามาดะ ประธาน เจโทร กรุงเทพฯ กล่าวว่า “ขณะนี้ มีธุรกิจต่างชาตินับไม่ถ้วนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในญี่ปุ่น ธุรกิจที่น่าลงทุนในญี่ปุ่นโดยมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงได้แก่ 1) Innovation Hub หรือ R&D Center ที่เชื่อมโยงเอเชียกับทั่วโลก และเอื้อให้ประเทศไทยสามารถยกระดับเทคโนโลยีได้ 2) Business Platform ซึ่งญี่ปุ่นจึงเป็นฐานที่ดียิ่งสำหรับเอกชนไทยในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ในเอเชีย อาทิ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และซีกโลกตะวันตก 3) Trendsetter เพราะญี่ปุ่นมีตลาดที่กำหนดความนิยมในด้านแฟชั่น, มีเดียคอนเทนท์, การรักษาพยาบาล และเครื่องจักรอันทันสมัย ดังนั้น เอกชนไทยจึงสามารถทดสอบการตอบรับต่อสินค้าและบริการก่อนเข้าสู่ตลาดในเอเชียและตลาดโลกได้ในญี่ปุ่น ซึ่งการที่เปิดสาขาในญี่ปุ่น ทำให้ธุรกิจเหล่านี้มีโอกาสที่ดีในการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น รวมถึงนักธุรกิจต่างชาติ ผู้นำเทรนด์แฟชั่น & ไลฟ์สไตล์ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จึงมีโอกาสสูงสำหรับการเพิ่มยอดขาย ส่งออก และขายแฟรนไชส์ต่อยอดธุรกิจ” คุณชนิตร ชาญชัยณรงค์, CFA, ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ, กล่าวว่า “สำหรับธุรกิจที่ประสบกับข้อจำกัดทางการเงิน ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ร่วมมือกับ Tokyo Alternative Investment Market (Tokyo AIM) ในการอำนวยความสะดวกธุรกิจในการระดมทุนผ่านตลาดทุน ซึ่งข้อได้เปรียบของการระดมทุนด้วยวิธีนี้คือการที่บริษัทจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยบริษัทสามารถระดมทุนได้จากทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ฯ ของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ เงื่อนไขสำหรับการจดทะเบียนและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สองแห่งพร้อมกัน (Dual-listing) ก็ได้รับการพัฒนาให้เรียบง่าย เพื่อสนับสนุนธุรกิจไทยในการขยายกิจการไปยังประเทศญี่ปุ่น” มร. ยามาดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นนั้นสะดวกสบายเนื่องจากมีสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างหลากหลาย สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจก็ดีพร้อม ด้วยความโปร่งใสของการประกอบธุรกิจ อำนาจในการจับจ่ายสินค้าและบริการ และขนาดของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจก็ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย รัฐบาลญี่ปุ่น และเจโทรพร้อมด้วยหน่วยงาน Invest Japan Business Support Center (IBSC) อาทิ การให้พื้นที่สำนักงานชั่วคราวในประเทศญี่ปุ่นฟรี แนะนำบริการสรรหาบุคลากร แนะนำเรื่องการขอใบอนุญาตทำงาน และเรื่องการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท” สามารถรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่เหมาะสมในการลงทุน และความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น รัฐบาลไทย และเจโทร ได้ในงานสัมมนา “Invest Japan” ในวันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2554 (9:00-13:30) ณ โรงแรมดุสิตธานี สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ 02-685-1118 (ทุกวัน 8:00-20:00 น.) หรือ Email: investjapan@sineth.co.th โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หมดเขตลงทะเบียน ศุกร์ที่ 18 มีนาคม งานสัมมนาดังกล่าวจัดโดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร), กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ของประเทศญี่ปุ่น (เมติ), กระทรวงพาณิชย์ ประเทศไทย, กระทรวงอุตสาหกรรม ประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ), กระทรวงการคลัง ประเทศไทย, ผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) และได้รับการสนับสนุนโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สื่อมวลชน โปรดติดต่อ คุณชุติมา ดวงพาณิช ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เจโทร กรุงเทพฯโทร 0 2253 6441 ต่อ 147

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ