กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่
สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ แจงผลผลิตไข่ลดเพราะโรค วอนผู้บริโภคเห็นใจ ขอปรับราคา 10 สต.เพื่อความอยู่รอด พร้อมขอเกษตรกรอย่าปลดแม่ไก่ หวังชดเชยผลผลิตที่หายไป
สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่วอนผู้บริโภคเห็นใจปริมาณผลผลิตไข่ไก่ลดลงจากภาวะโรคและอากาศแปรปรวน ขอปรับราคาหน้าฟาร์มเพียงฟองละ 10 สตางค์ พร้อมขอให้เกษตรกรทั่วประเทศอย่าปลดระวางแม่พันธุ์ เพื่อชดเชยผลผลิตไข่ที่หายไปจากระบบ ส่วนภาครัฐที่เกรงว่าจะมีการกักตุน แจงว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะสินค้าเกษตรที่มีต้นทุน
นายบุญยง ศรีไตรราศรีประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์ไก่ไข่ที่เลี้ยงอยู่ในขณะนี้ หลายพื้นที่ทั่วประเทศกำลังประสบปัญหาการระบาดของโรค ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และยังส่งผลให้รังไข่ของแม่ไก่ฝ่อ ทำให้มีผลผลิตไข่ไก่ลดลงมาก โดยผลผลิตไข่ไก่ที่ได้ลดน้อยลงกว่าปกติ เฉลี่ยวันละ 20-30 % ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงรายย่อยที่มีกว่า 80 % มีต้นทุนการเลี้ยงที่สูงขึ้น เนื่องจากว่า แม่ไก่ไข่ยังคงกินอาหารตามปกติ
ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ จ.ชลบุรี กล่าวว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องประสบกับภาวะต้นทุนการเลี้ยงที่สูง โดยขณะนี้ต้นทุนการผลิตไข่ไก่สูงถึงฟองละ 2.70 บาท ขอให้ผู้บริโภคเห็นใจเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยขอให้มีการปรับราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มเพิ่มขึ้นอีกฟองละ 10 สตางค์ เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้น จากปัจจุบันไข่ไก่หน้าฟาร์มมีราคาที่ 2.70 — 2.80 บาท
“อยากขอความร่วมมือจากพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั่วประเทศอย่าเพิ่งรีบปลดแม่ไก่ไข่ โดยให้ยืดอายุแม่ไก่ไข่ยืนกรงออกไปก่อน เพื่อให้มีผลผลิตไข่ไก่เพียงพอที่จะชดเชยผลผลิตที่เสียหายไป ส่วนกรณีที่ความกังวลกันว่าจะมีการเก็บสต๊อกผลผลิตไข่ไก่เพื่อกักตุนนั้น ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากว่า ไข่ไก่เป็นสินค้าที่มีต้นทุน หากมีการเก็บสต๊อก ก็จะทำให้น้ำหนักของไข่ขาดหายไป ปริมาณของเนื้อไข่ไก่ก็จะลดลงด้วย และเกิดการเน่าเสีย” นายบุญยง กล่าวและว่า
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ไข่ไก่เป็นสินค้าเกษตรที่ขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตและความต้องการบริโภค จึงควรปล่อยให้ราคามีการเปลี่ยนแปลงตามกลไกตลาดที่แท้จริงมากกว่า ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั่วประเทศได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก