เคทีซีแถลงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2548 ตั้งเป้าสุดยอดแบรนด์ไทยในใจลูกค้า ตอกย้ำผู้นำธุรกิจบัตรเครดิต พร้อมรักษาคุณภาพลูกหนี้

ข่าวทั่วไป Thursday November 10, 2005 16:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--บัตรกรุงไทย
เคทีซี โชว์กำไรไตรมาสที่ 3 ปี 2548 รวม 494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% เน้นการเป็นสุดยอดแบรนด์ไทยในใจลูกค้า (Most Preferred Brand) หวังผูกใจสมาชิกในระยะยาว ควบคู่กับการรักษาคุณภาพหนี้ เผยสินเชื่อเจ้าของกิจการครบหนึ่งปี อนาคตสดใส ลูกค้าตอบรับดีเกินคาด ยอดโต 3,763 ล้านบาท
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานสำหรับ 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 ว่า “บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันของปี 2547 และคิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 1.93 บาทต่อหุ้น”
“การเพิ่มขึ้นของรายได้รวมที่มีจำนวน 1,514 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 นี้ เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ยังคงรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 59% และ 38% ตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจสินเชื่อเจ้าของกิจการ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เริ่มมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้เพิ่มให้แก่บริษัทฯ เป็นอย่างมาก สามารถสร้างรายได้ดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 3 นี้ เท่ากับ 135 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นถึง 12.9% จากไตรมาส 2 ปี 2548คิดเป็นสัดส่วนของดอกเบี้ยจากธุรกิจสินเชื่อเจ้าของกิจการ 8.9% ของรายได้ดอกเบี้ยรวม”
“ในส่วนของค่าใช้จ่ายรวมมีจำนวน 1,082.58 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปี 2547 โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากค่าธรรมเนียมจ่าย Interchange ที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของปริมาณการใช้จ่ายบัตรเครดิต และจากค่าธรรมเนียมที่บริษัทจ่ายให้ตามสัญญาให้บริการด้านงานสนับสนุน ตลอดจนค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้แก่บริษัท Outsource ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวน transaction ได้แก่ งานด้านการประมวลผลข้อมูลลูกค้าโดยบริษัทคู่สัญญาต่างประเทศ งานด้านการติดตามหนี้ งานด้านการหาลูกค้าบัตรเครดิต งานด้านการตรวจสอบและป้อนข้อมูลลูกค้า เป็นต้น นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังขยายพื้นที่สำนักงานบางส่วนไปที่ตึกไทยซัมมิท และเพิ่มศูนย์บริการ KTC Boutique Branch เป็น 16 สาขา และ KTC Touch เป็น 33 สาขา เพื่อให้บริการลูกค้าสะดวกและทั่วถึงยิ่งขึ้น”
“ส่วนฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 เคทีซีมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 28,297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.4% จากสิ้นปี 2547 โดยสินทรัพย์หลักของบริษัทฯ ประกอบด้วย ยอดลูกหนี้จากธุรกิจบัตรเครดิต 18,971 ล้านบาท ลูกหนี้ธนวัฏบัตรเครดิต 720 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 3,628 ล้านบาท และสินเชื่อเจ้าของกิจการ 3,763 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 27,082 ล้านบาท หรือ 95.7% ของสินทรัพย์รวม และมีจำนวนบัตรเครดิต ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2548 เท่ากับ 1,129,891 บัตร”
“นอกจากเคทีซีจะให้ความสำคัญกับการขยายฐานบัตรแล้ว เคทีซีได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ถึงความเป็นผู้นำของธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคของไทย ในการนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ และการดำเนินนโยบายทางการตลาดเชิงรุก มุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจผู้บริโภคทุกกลุ่ม ครอบคลุมทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ และทุกกิจกรรมการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (Everyday Usage) เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการจับจ่าย โดยเน้นการสร้างแบรนด์เคทีซีให้เป็น แบรนด์ในใจลูกค้า (Most Preferred Brand) และมุ่งผูกใจสมาชิกด้วยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาชิกในระยะยาว (Brand Experience) ผนวกเข้ากับการรวบรวมสิทธิประโยชน์มากมายในด้านต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันในบัตรเดียว ภายใต้คอนเซ็ปท์การเป็น Membership Company”
“โดยในไตรมาสสุดท้าย ปี 2548 บริษัทฯ ได้เตรียมสุดยอดแคมเปญแห่งปี “ใช้ชีวิตที่น่าอิจฉากับเคทีซี” โดยสามารถร่วมสนุกด้วยการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท หรือเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าทุกๆ 500 บาท จะได้รับทันที 1 สิทธิ และลูกค้าใหม่ที่สมัครบัตรเครดิตเคทีซี รับทันที 5 สิทธิ ในการลุ้นรับทองคำหนัก 500 บาท มูลค่า 5 ล้านบาท จำนวน 3 รางวัล รวมทองคำหนัก 1,500 บาท มูลค่า 15 ล้านบาท เดือนละ 1 รางวัล เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย. 2548 — 31 ม.ค. 2549 ที่พิเศษไปกว่านั้น เคทีซียังได้จัดสิทธิพิเศษเพื่อเอาใจสมาชิกที่ไม่ชอบการลุ้น ด้วยกิจกรรม “13 เคทีซี สเปเชี่ยล วีคส์” มูลค่าอีก 15 ล้านบาท สิทธิประโยชน์หลากหลายรูปแบบที่เคทีซีตั้งใจมอบให้สมาชิกตลอด 13 สัปดาห์ในทุกหมวดการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อาทิ เติมน้ำมัน ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ดิสเคาน์สโตร์ โรงพยาบาล ท่องเที่ยว โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ไอที เครื่องใช้ไฟฟ้า แฟชั่น นาฬิกา และเครื่องประดับ ทั้งนี้เพื่อฉลองการก้าวขึ้นสู่ปีที่ 10 และตอบแทนลูกค้าที่มอบความไว้วางใจเลือกใช้บริการของเคทีซีด้วยดีมาโดยตลอด”
“ในด้านธุรกิจสินเชื่อบุคคล มียอดลูกหนี้ KTC Cash สุทธิจำนวน 3,628 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ปรับแผนการดำเนินงานของธุรกิจนี้ โดยชะลออัตราการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้ ตามภาวะเศรษฐกิจรวมที่มีอัตราการเติบโตน้อยกว่าที่ประมาณการไว้ ประกอบกับการที่บริษัทเน้นให้ความสำคัญด้านคุณภาพหนี้เป็นหลัก จึงทำให้ลูกหนี้ KTC Cash ของบริษัทลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา แต่ในแง่ของการสร้างรายได้แล้วยังคงมีสัดส่วนใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีสัดส่วนของรายได้ดอกเบี้ยที่รวมรายได้ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินของ KTC Cash ที่ 14.4% ของรายได้รวม”
“หลังจากที่เคทีซีเปิดให้บริการ KTC Million สินเชื่อเพื่อเจ้าของกิจการ ครบรอบหนึ่งปีในเดือนกันยายน 2548 ที่ผ่านมา เคทีซีประสบความสำเร็จอย่างมากในธุรกิจนี้ ดังจะเห็นได้จากยอดลูกหนี้ KTC Million มียอดสุทธิ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2548 เท่ากับ 3,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,895 ล้านบาท จากจำนวน 1,868 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้เปิดตัว “KTC Million Club” เพื่อขยายเครือข่ายทางธุรกิจให้แก่ลูกค้า KTC Million และอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมให้กับลูกค้า โดยสมาชิกจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งสามารถสะสมคะแนน KTC Million Point จากการชำระค่างวดก่อนกำหนดหรือตรงเวลา เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษต่างๆ เพิ่มเติมอีกด้วย โดยมีจำนวนบัญชีของ KTC Million ทั้งสิ้น 2,386 ราย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 เพิ่มขึ้น 20.3% จากไตรมาสที่ผ่านมา”
“สำหรับการจัดการดูแลด้านความเสี่ยงของลูกหนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในทุกธุรกิจสินเชื่อที่ให้บริการ โดยมีฝ่ายงานด้านวิเคราะห์คุณภาพของพอร์ตลูกหนี้และอนุมัติสินเชื่อ เป็นผู้คอยควบคุมดูแลบริหารความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ รวมทั้งฝ่ายติดตามหนี้ที่คอยดูแลด้านการผิดนัดชำระหนี้ ตลอดจนตรวจสอบสถานภาพการใช้เงินทั้งจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (National Credit Bureau) และระบบฐานข้อมูลลูกค้าของบริษัทฯเอง โดยพิจารณาถึงความเสี่ยงรวมของลูกค้าแต่ละราย จึงมีผลให้บริษัทฯ มีอัตราการค้างชำระ 30-179 วัน (Delinquency Rate) อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม”
“อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนด้านเงินทุนที่สูงขึ้นจากภาวะอัตราดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในด้านธุรกิจบัตรเครดิตไตรมาสที่ 3 ปี 2548 บริษัทฯ ได้นำเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย เพื่อให้ลูกค้าบัตรเครดิตเพิ่มปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรทดแทนการชำระด้วยเงินสด ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของลูกค้าอยู่แล้ว เช่น การใช้บัตรเครดิตเติมน้ำมัน ซื้อสินค้าในห้าง สรรพสินค้า จ่ายค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น ด้านธุรกิจสินเชื่อบุคคล บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่เป็นการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบุคคลจากสถาบันการเงินอื่นๆ ซึ่งจะเป็นการขยายฐานลูกค้าสินเชื่อบุคคล KTC Cash ให้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ลูกค้าจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าที่จ่ายอยู่ในปัจจุบันแก่สถาบันการเงินอื่นๆ และด้านธุรกิจสินเชื่อเจ้าของกิจการ หลังจากดำเนินงานมาครบระยะ 1 ปีเต็ม ในไตรมาสนี้ สามารถสร้างฐานรายได้เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีระดับหนี้เสียที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อไปในอนาคต”
“ผลประกอบการข้างต้นสามารถวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญได้ดังนี้ บริษัทฯ มีหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เท่ากับ 4.18 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมีการกู้ยืมจากสถาบันการเงินอื่นเพิ่มขึ้น มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) เท่ากับ 2.6% และมีอัตราผลตอบแทนจากส่วนของ ผู้ถือหุ้น (ROE) เท่ากับ 12.3% เพิ่มสูงขึ้นเทียบกับ ณ สิ้นปี 2547 ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกำไรของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่มากกว่าการเพิ่มขึ้นของส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการใช้สิทธิของ ESOP และจากการที่บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการส่งเสริมการตลาดประเภทต่างๆที่เพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ แสดงว่าบริษัทฯมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นด้วย” นายนิวัตต์กล่าวในที่สุด
ออกข่าวในนาม: ฝ่ายสื่อสารองค์กรและธุรกิจสัมพันธ์
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
รายละเอียดเพิ่มเติม : กัณฑรัตน์ เจิมจิตรผ่อง โทรศัพท์ 02-665-5057
สุชาดา วีระสกุลรักษ์ โทรศัพท์ 02-665-5732
อธิกา เดชะวัฒนไพศาล โทรศัพท์ 02-665-5048
โทรสาร 02-665-5046
อีเมล์ : ktc_pr@ktc.co.th
สามารถคลิกดูภาพได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ