กรุงเทพฯ--17 มี.ค.--บลจ.แอสเซท พลัส
บลจ.แอสเซท พลัส เสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้4 (ASP-ACFIXED4) ลงทุนในตราสารหนี้ไทย อายุ 3 เดือน คาดผลตอบแทน 2.50% ต่อปี* และกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 3 (ASP-SIF3) ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 2 เดือน คาดผลตอบแทน 2.15% ต่อปี* เสนอขายวันที่ 22 และ 23 มี.ค. นี้
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ในการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา จาก 2.25% เป็น 2.50% ต่อปี และยืนยันว่ายังคงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เข้าสู่ภาวะปกติเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงติดลบอยู่ และเพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าในไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 จะเร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากสิ้นสุดมาตรการคุมราคาสินค้า ประกอบกับราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย กนง. ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2554 สูงขึ้นเป็น 3-5% ยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
ซึ่งการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายนี้ ส่งผลให้สัปดาห์นี้ธนาคารพาณิชย์มีการทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทั้งเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำ และยังส่งผลดีต่ออัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นที่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ส่วนต่างผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐ และเอกชนมีการปรับตัวขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้หุ้นกู้เอกชนไทยมีความน่าสนใจลงทุนมากขึ้น
ดังนั้น บริษัทฯ จึงยังคงแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นๆ ไม่เกิน 6 เดือน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสการลงทุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งทั้งกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในตราสารหนี้เอกชนคุณภาพในประเทศ ระยะสั้นๆ ยังคงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจลงทุน โดยในวันที่ 22 มีนาคม นี้ บลจ.แอสเซท พลัส จะเปิดเสนอขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ (Rollover) กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้4 (ASP-ACFIXED4) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ไทยที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยในรอบการลงทุนนี้ กองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีฐานะการเงินดี มีความสามารถในการชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ยสูง อายุประมาณ 3 เดือน เช่น ตั๋วแลกเงิน บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ธนาคารธนชาต (TBANK) และ บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ (AP) โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 2.50% ต่อปี*
และในวันที่ 23 มีนาคม นี้ บริษัทฯ จะเปิดเสนอขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ (Rollover) กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 3 (ASP-SIF3) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ไทยที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยในรอบการลงทุนนี้ กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุประมาณ 2 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 2.15% ต่อปี*