แนวโน้มของระบบการจัดเก็บข้อมูลปี 2007

ข่าวทั่วไป Friday May 4, 2007 15:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 พ.ค.--คอร์แอนด์พีค
ด้านธุรกิจ:
1. แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการกำหนดทิศทางไอทีและธุรกิจให้สอดคล้อง - ต้นทุนด้านไอทีกำลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการที่มากขึ้นในข้อมูลและสารสนเทศ ซีไอโอทั้งหลายจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันสูงขึ้นในการพิจารณาการลงทุนด้านไอทีในการเพิ่มมูลค่าธุรกิจมากกว่าการหลีกเลี่ยงต้นทุนที่สูงขึ้น ตัวอย่างของการเพิ่มมูลค่าธุรกิจได้แก่การปรับกระบวนการธุรกิจให้ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วขึ้นเพื่อให้ได้รายได้หรือกำไรเพิ่มขึ้น
2. ความต่อเนื่องของธุรกิจ - ซีอีโอทุกคนเป็นกังวลเรื่องการสูญหายของข้อมูล เวลา และรายได้ ในกรณีฉุกเฉิน พวกเขาต้องการแน่ใจให้ได้ว่ามีการจัดเก็บสำรองข้อมูลทั้งหมดแล้ว และจัดเก็บอย่างปลอดภัยในสถานที่แยกจากกัน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และสิ่งนี้จะแสดงให้เห็นในปี 2550 โดยที่องค์กรจำนวนมากจำเป็นต้องวางแผนธุรกิจให้ดำเนินต่อไปอย่างถูกทาง
3. ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ องค์กรธุรกิจทั่วโลกจะยังคงเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบางและไม่แน่นอนในปี 2550 ยังคงต้องรัดเข็มขัดด้านงบประมาณ แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการลงทุนเพื่อผลักดันให้บริษัทเติบโตได้ ผู้จัดการองค์กรควรวางแผนไว้ในทุกๆ เรื่อง และต้องมั่นใจว่าพวกเขาสามารถนำพาองค์กรให้ขยายตัวได้ในปีต่อๆ ไป
4. กฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น กฎระเบียบจำนวนมากที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นตามปริมาณข้อมูลที่กำลังทวีจำนวนสูงขึ้นและต้องได้รับการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ หลายองค์กรมองว่าสิ่งนี้เป็นอุปสรรคของการเติบโต แต่จริงๆ แล้วพวกเขาควรมองว่ามันเป็นโอกาสที่จะจัดการสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของพวกเขาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
5. การควบรวมและซื้อกิจการ — แนวโน้มของการควบรวมและซื้อกิจการในกลุ่มบริษัททุกระดับของอุตสาหกรรมยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในปี 2550 สิ่งนี้เพิ่มความยุ่งยากให้กับซีอีโอในการรวมโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่แตกต่างมาไว้ด้วยกัน การใช้ผู้ค้าที่มีสามารถให้การจัดการในอุปกรณ์สตอเรจที่หลากหลายยี่ห้อเป็นทางออกที่จำเป็น นอกจากนี้ ยังจะแบ่งเบาปัญหาเกี่ยวกับความจำเป็นต้องมีทักษะด้านไอทีของแต่ละยี่ห้อในองค์กรได้ด้วย
ด้าน IT:
6. บริษัทขนาดกลางและเล็กจะแข็งแกร่งขึ้น— เมื่อบริษัทมีอุปกรณ์สตอเรจจำนวนมาก การจัดการสตอเรจที่ติดตั้งเชื่อมต่อโดยตรงกับเซิร์ฟเวอร์ หรือ DAS (Direct Attached Storage) เป็นเรื่องยุ่งยาก คำตอบของปัญหาคือ SAN (Storage Area Network) หรือ NAS (Network Attached Storage) ที่จะช่วยให้เซิร์ฟเวอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์สตอเรจใดๆ ภายใต้เครือข่ายเดียว ภาษาเดียว และขั้นตอนการสำรองเดียว สิ่งนี้เป็นพื้นฐานของการสร้างความมั่นคงและจะเป็นแนวโน้มที่มีต่อไปในกลุ่มบริษัทขนาดเล็ก
7. ประเด็นด้านสภาพแวดล้อมมีบทบาทเพิ่มขึ้นในโครงการและการวางแผนงบประมาณของซีไอโอ — ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เป็นประเด็นร้อนในโลกปัจจุบัน แผนกไอทีจำเป็นต้องแสดงให้คู่แข่ง นักลงทุน ลูกค้า และอุตสาหกรรมของพวกเขาเห็นว่าพวกเขากำลังพยายามอย่างมากในการลดการใช้พลังงาน ขณะที่การจัดการข้อมูลบริษัทที่สำคัญก็เป็นไปอย่างเหมาะสม ตลอดจนสามารถกำจัดปัญหาเรื่องวงจรชีวิตของอุปกรณ์ด้วยการลงทุนในฮาร์ดแวร์ที่ปรับขนาดได้ ซึ่งกำลังกลายเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญขณะนี้
8. การจัดการวงจรชีวิตข้อมูล (ILM)— หลายบริษัทกังวลว่าจะสูญเสียข้อมูลเก่าๆ เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งนี้เป็นหัวใจของแนวคิดไอแอลเอ็มของอุตสาหกรรม ซึ่งซีอีโอต้องหาทางแก้ให้ได้ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องที่ข้อมูลจะมีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ และจะเกิดความยุ่งยากในการจัดเก็บลงในชั้นสตอรเจ ซีอีโอจะต้องการมั่นใจได้ว่าข้อมูลสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน ก็ตาม
9. ไอทีแบบไดนามิก — นักวิเคราะห์จากบริษัท ไอดีซี ใช้คำนี้เรียก ไอแอลเอ็ม
10. เทคโนโลยีเสมือนจริงจะแพร่หลาย - เมื่อความต้องการสตอเรจมีความยุ่งยากมากขึ้น ซีไอโอจะต้องแน่ใจได้ว่าองค์กรสามารถบรรลุความต้องการได้ ในขณะที่ต้นทุนลดลงด้วย นั่นหมายความว่าความสามารถที่จะใช้เครือข่ายสตอเรจที่มีอยู่ให้เหมาะสมผ่านทางเทคโนโลยีเสมือนจริงจะยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแผนกไอทีที่กำลังเติบโตในปี 2550 ขณะที่ผู้ค้าสตอเรจทั้งหลายกำลังพัฒนาความสามารถด้านเสมือนจริง บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ยังคงเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวเท่านั้นที่สามารถให้บริการเทคโนโลยีดังกล่าวได้แล้ว
11. แผนกไอทีจะเห็นมูลค่าของเทคโนโลยีที่ลดการทำซ้ำ - เมื่องบประมาณด้านไอทีอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างละเอียด แนวทางการประหยัดต้นทุนในการจัดการข้อมูลจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีที่ลดความจุสำหรับการสำรองไฟล์ได้อย่างมาก (de-duplication) ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการทำซ้ำข้อมูลอีกต่อไป สิ่งนี้กลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับการเติบโตขององค์กรจำนวนมาก
12. ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น — ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมไหน พนักงานบริษัทจะยังคงใช้แอพพลิเคชั่นจำนวนมาก เป็นความรับผิดชอบของซีไอโอที่จะต้องแน่ใจได้ว่าข้อมูลที่สนับสนุนแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นปลอดภัยและเข้าถึงได้ง่ายเมื่อต้องการใช้งาน ด้วยกฎระเบียบเข้มงวดที่เพิ่มขึ้นในการดูแลความปลอดภัยข้อมูล และบทลงโทษสำหรับการจัดการที่ไม่เหมาะสม การสร้างสมดุลระหว่างความปลอดภัยและสิทธิ์ในการใช้งานจึงถูกจัดวางลำความสำคัญไว้ในลำดับเกือบต้นๆ
13. IP Storage จะกลายเป็นสิ่งยอดนิยมสำหรับสตอเรจเครือข่าย — เมื่อความต้องการสตอเรจกลายเป็นเรื่องยุ่งยากทั้งในองค์กรขนาดกลางและเล็กรวมถึงขนาดใหญ่ด้วยนั้น วีธีการจัดการข้อมูลอย่างง่ายดายจึงเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างมาก ด้วยการขนย้ายสตอเรจไปไว้บนเครือข่ายไอพี ซีไอโอจะสามารถเพิ่มทรัพยากรที่มีอยู่ให้สูงสุด และสร้างสถาปัตยกรรมสตอเรจที่มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น
14. Web 2.0 นำมาซึ่งข้อมูลมหาศาล — เราจะได้เห็นบริษัทในรูปแบบของ Web 2.0 (การเก็บข้อมูลบนเว็บมากกว่าจะไว้ในพีซี) มากขึ้นในตลาด เนื่องจากต้นทุนความจุสตอเรจจะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทจะแข่งกันเองด้วยการมอบความจุฟรีให้เป็นสิ่งจูงใจ สิ่งนี้จะนำไปสู่การเติบโตในการบันทึกข้อมูลออนไลน์อย่างมาก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากความนิยมมากขึ้นของบริการอีเมล์และเนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้งานของไซต์โฮสติ้ง โดยข้อมูลของผู้ใช้ทั้งหมดจะถูกบันทึกออนไลน์แทนที่จะลงในพีซี นั่นหมายความว่าบริษัทในยุค Web 2.0 จะต้องการแน่ใจได้ว่าพวกเขามียุทธศาสตร์สตอเรจที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่เริ่มต้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ:
คุณศรีสุพัฒ เสียงเย็น
ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท คอร์แอนด์พีค จำกัด
โทร.02-4394600 ต่อ 8300
081 694 7807

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ