กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--สนพ.
ก.พลังงาน รายงานผลการใช้พลังงานเข้า ครม. เผยภาพรวมการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันในประเทศลดลง ย้ำขอแรงประชาชนร่วมมืออย่างจริงจังต่อ หวังลดใช้พลังงานได้มากยิ่งขึ้น ระบุ ครม.ยังเน้นเร่งรณรงค์ให้ทุกฝ่ายประหยัดพลังงาน และใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
นายไพจิตร เทียนไพฑูรย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (9 ส.ค.2548) ที่ประชุมฯ ได้รับทราบสรุปผลการใช้พลังงานประจำเดือนกรกฎาคม 2548 ซึ่งยอดการใช้ไฟฟ้า และน้ำมันลดลง สอดคล้องกับเป้าหมายมาตรการลดใช้พลังงานที่ตั้งเป้าหมายไว้ ทั้งนี้ ข้อมูลการใช้ไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2548 ลดลง 3.8% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (มิถุนายน 2548) กล่าวคือ ลดลงจากเดือนละ 10,524 ล้านหน่วย เหลือเดือนละ 10,125 ล้านหน่วย (หรือลดลง 399 ล้านหน่วย) คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 1,073 ล้านบาท ลดลงต่อเนื่องจากเดือนมิถุนายน 2548 ที่การใช้ไฟฟ้าลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2548 จำนวน 258 ล้านหน่วยหรือลดลง 2.4%
ด้านปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินทั้งประเทศพบว่า เดือนกรกฎาคม 2548 มีการใช้น้ำมันเบนซิน ลดลงถึง 18.1% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา จากวันละ 21.4 ล้านลิตร เหลือวันละ 17.5 ล้านลิตร (หรือ ลดลง 3.9 ล้านลิตรต่อวัน) ขณะที่การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์พบว่าประชาชนหันมาให้ความสนใจใช้มากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจากในเดือนมิถุนายน 2548 วันละ 1.42 ล้านลิตร เป็นเดือนกรกฎาคม 2548 ใช้วันละ 1.65 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 2.3 แสนลิตรต่อวัน
ขณะที่ในส่วนของการใช้น้ำมันดีเซล เดือนกรกฎาคม 2548 ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2548 15.7% เหลือวันละ 46.8 ล้านลิตร (ลดลง 8.7 ล้านลิตรต่อวัน) คิดเป็นมูลค่าที่ลดลงได้ 196 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งเป็นการใช้ลดลงอย่างต่อเนื่องจากเดือนมิถุนายน 2548 ที่ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2548 4.6%
นายไพจิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า การรณรงค์มาตรการประหยัดพลังงานตามแนวทางยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศได้ผลอย่างชัดเจน ประกอบกับเมื่อปล่อยให้ระบบราคาน้ำมันเข้าสู่ระบบลอยตัวเช่นเดิมนั้น ทำให้การนำเข้าน้ำมันดิบเริ่มชะลอตัวลง โดยพบว่า ปริมาณการการนำเข้า น้ำมันดิบเดือนมิถุนายน 2548 ลดลง 7.6% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (พฤษภาคม 2548) หรือลดลงจาก 918 พันบาร์เรลต่อวัน เหลือ 852 พันบาร์เรลต่อวัน (หรือลดลง 66 พันบาร์เรลต่อวัน) ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของปีกระทรวงพลังงานยังได้ตั้งเป้าของการบริหารการนำเข้าน้ำมันดิบให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
"การลดใช้พลังงานครั้งนี้นับเป็นสิ่งที่ดีและสมกับความมุ่งหมายของกระทรวงฯ ที่ต้องการให้ประชาชนทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันและเข้าใจถึงการประหยัดพลังงาน ซึ่งขณะนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าหลายฝ่ายให้ความร่วมมือกันมากขึ้น ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือและช่วยกันประหยัดพลังงาน เพราะ ไม่เพียงการประหยัดนี้จะเป็นผลดีแก่ผู้ที่ได้ประหยัดแล้ว ยังส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอีกมากมาย"--จบ--