กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--กรมบัญชีกลาง
คลังทุ่มเงินกว่า 230 ล้านบาท ไปตั้งสำรองไว้รอจ่ายเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง โฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เนื่องจากที่ผ่านมาเหตุการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความรุนแรงและส่งผลให้มีผู้สูญเสีย เช่น เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ การก่อเหตุวินาศกรรมหรือลอบวางเพลิงอาคารสถานประกอบการและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กยต.) โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือเป็นค่าชดเชยความเสียหายให้พี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นประชาชน หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อให้การช่วยเหลือดังกล่าวเกิดความคล่องตัวและรวดเร็ว กรมบัญชีกลางได้อนุมัติวงเงินทดรองราชการให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจำนวน 50 ล้านบาท ต่อมาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งว่าไม่เพียงพอ จึงขอเพิ่มเติม ซึ่งกรมบัญชีกลางได้อนุมัติเงินทดรองราชการให้เพิ่มเติมเป็น 230 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550 ขณะนี้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้เบิกเงินที่ได้รับเพิ่มไปแล้วและอยู่ระหว่างการโอนเงินดังกล่าวให้กับจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี และสงขลา เพื่อเก็บไว้สำรองจ่ายในวงเงินจังหวัดละ 50 ล้านบาท และเก็บไว้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจำนวน 30 ล้านบาท กรณีที่ผลการสอบสวนในเบื้องต้นยังคลุมเครือ ไม่ชัดเจนว่าผู้นั้นได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบหรือไม่นั้น ให้จ่ายเงินช่วยเหลือไปก่อน 25% แต่ถ้าชัดเจนว่าเกิดจากเหตุการณ์ความไม่สงบจะจ่ายให้ทั้ง 100% ในทันที
ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2548 — 15 กุมภาพันธ์ 2550 มีการขอรับการเยียวยาไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เสียชีวิต บาดเจ็บ ทุพพลภาพ ตลอดจนช่วยเหลือกรณีทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เสียหาย เช่น ที่อยู่อาศัย เครื่องมือที่ใช้ประกอบอาชีพหรือ เป็นทุนการศึกษาแก่บุตร ซึ่งคณะกรรมการฯได้มีการจ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นไปแล้ว จำนวน 9,400 ราย รวมเป็นเงิน 1,075.5 ล้านบาท
นายมนัสกล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มวงเงินทดรองราชการดังกล่าวกรมบัญชีกลางคาดว่าจะช่วยให้พี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยการมีเงินทดรองจ่ายเพิ่มขึ้นและเก็บไว้ที่จังหวัดจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้