กระทรวงพลังงาน เผยติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด ขอให้ประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงาน และหันมาใช้พลังงานทดแทนที่มีราคาถูกกว่า

ข่าวทั่วไป Friday May 18, 2007 13:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--กระทรวงพลังงาน
นายอดุลย์ ฉายอรุณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 1-14 พฤษภาคม 2550 ราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์ ปรับตัวลดลง 0.55 และ 1.91 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 63.41 และ 65.77 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ เบนซินออกเทน 95 และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 4.07 และ 0.39 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 87.57 และ 80.63 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ แนวโน้มราคาน้ำมันในเดือนพฤษภาคม 2550 ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์ คาดว่า จะอยู่ที่ระดับ 60-70 เหรียญฯ และ 65-75 เหรียญต่อบาร์เรล จากกรณีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่านกรณีโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลด้านจิตวิทยา โดยเฉพาะความกลัวของผู้ค้าน้ำมันในการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก และข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีไนจีเรีย ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเพราะหากเกิดความรุนแรงจะกระทบต่อการส่งออกน้ำมันดิบ เพราะไนจีเรียจัดเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับที่ 8 ของโลก นอกจากนี้ผลกระทบของราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันดีเซลในตลาดจรสิงคโปร์อยู่ที่ระดับ 80-90 และ 75-85 เหรียญฯ
ด้านราคา LPG ในเดือนพฤษภาคม 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา 30 เหรียญสหรัฐต่อตัน มาอยู่ที่ระดับ 566 เหรียญสหรัฐต่อตัน เนื่องจากความต้องการซื้อในภูมิภาคเพิ่มขึ้น โดยอินโดนีเซียมีแผนนำเข้าก๊าซ LPG มากขึ้น เพื่อทดแทนการใช้น้ำมันก๊าด และความต้องการใช้ในธุรกิจปิโตรเคมีทดแทนการใช้แนฟทาที่มีราคาแพงขึ้น โดยจากราคา LPG ที่สูงขึ้น ทำให้ในเดือน พ.ค. 50 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีอัตราชดเชยราคาจำหน่ายในประเทศ 1.1933 บาทต่อกิโลกรัม คิดเป็นเงิน 360 ล้านบาทต่อเดือน อย่างไรก็ดี กองทุนฯ ยังมีรายได้จากการส่งออกก๊าซ LPG อยู่ที่ระดับ 4.2565 บาทต่อกิโลกรัม คิดเป็นเงิน 66.44 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนแนวโน้ม LPG ในเดือนมิถุนายน 2550 คาดว่าจะใกล้เคียงกับเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ระดับ 557-567 เหรียญสหรัฐต่อตัน กองทุนฯ ชดเชยประมาณ 1.1841-1.1944 บาทต่อกิโลกรัม คิดเป็นเงิน 357.46-360.40 ล้านบาทต่อเดือน และมีอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ จากการส่งออกก๊าซ LPG ประมาณ 64.06-66.71 ล้านบาท
ด้านฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยอด ณ วันที่ 14 พฤษภาคม 2550 มีเงินสดสุทธิ 7,762 ล้านบาท มีหนี้สินคงค้าง 33,538 ล้านบาท แยกเป็นหนี้พันธบัตร 17,600 ล้านบาท หนี้เงินกู้สถาบันการเงิน 4,844 ล้านบาท หนี้เงินชดเชยตรึงราคาน้ำมันค้างชำระ 1,064 ล้านบาท และหนี้ LPG 10,000 ล้านบาท
“ปัจจุบันราคาพลังงานเริ่มกลับมาแพงอีกครั้ง ซึ่งกระทรวงพลังงานได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามประชาชนสามารถเลือกใช้พลังงานราคาถูกได้ โดย NGV ปัจจุบันราคาเพียง 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งผู้สนใจติดตั้งอุปกรณ์ NGV ด้วยเงินสด ขณะนี้ ปตท. ให้ส่วนลด 10,000 บาทต่อคัน หรือผ่อนด้วยการปลอดดอกเบี้ย 0% การใช้ไบโอดีเซล ซึ่งไบโอดีเซล B5 จะมีราคาต่ำกว่าน้ำมันดีเซล 70 สตางค์ต่อลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ล่าสุดกระทรวงพลังงานได้ลดการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซิน ทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ต่ำกว่าเบนซินออกเทน 95 3.30 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ต่ำกว่าเบนซินออกเทน 91 2.80 บาทต่อลิตร เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น” นายอดุลย์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ