กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--เอ.พี.ฮอนด้า
ตลาดมอ’ไซค์สองเดือนแรกปี 54 ยอดขายพุ่งกระฉูด 167,298 คันหัวฉีด PGM-FI สุดฮอตครองใจมหาชน สวนกระแสวิกฤติน้ำมันแพงครองตลาด 100% ตอบโจทย์ตรงจุด “ประหยัดเป็นเลิศ ขับขี่สนุก”
ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยแรงต่อเนื่อง 2 เดือนแรกของปี 2554 พุ่งสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 111% ที่จำนวน 328,871 คัน โดยมียอดจดทะเบียนในเดือนกุมภาพันธ์ล่าสุดสูงถึง 167,298 คัน เทียบเท่าอัตราเติบโตจากปีก่อนหน้า 116% ฮอนด้าผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยตัวจริง เติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 112% ที่จำนวน 235,367 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 72% โดยเครื่องยนต์ฮอนด้าระบบ หัวฉีด PGM-FI ครองใจมหาชนด้วยสัดส่วนครองตลาดเบ็ดเสร็จ 100% สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ได้อย่างครบถ้วน ทั้งขับขี่สนุกสนาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้สมรรถนะเป็นเลิศในด้านอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด 53.7 กิโลเมตรต่อลิตร ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันอย่างสูงสุด ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงในยุคนี้ได้อย่างชัดเจน
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยยังเติบโตต่อเนื่อง โดย 2 เดือนแรกของปี มีอัตราเติบโตขึ้นกว่าปีก่อนหน้าแล้วถึง 111% ที่จำนวน 328,871 คัน มียอดจดทะเบียนในเดือนกุมภาพันธ์ที่ 167,298 คัน เทียบเท่าอัตราเติบโตจากปีก่อนหน้า 116% โดยฮอนด้ามียอดจดทะเบียนรวม 2 เดือนที่ 235,367 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 72% จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้มั่นใจว่าตลาดรวมในปีนี้จะมีแนวโน้มสดใส แม้สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง และการต่อต้านผู้นำของประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในแทบตะวันออกกลางจะมีความวุ่นวาย อันเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ของไทย”
“ สำหรับยอดจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รถเครื่องยนต์หัวฉีดแบบระบบ PGM-FI สามารถครองความนิยมของมหาชน ด้วยสัดส่วนการครองตลาด 100% มียอดจำหน่ายสูงสุดถึง 120,000 คัน โดยเฉพาฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ สามารถทำยอดจำหน่ายได้ถึง 29,182 คัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นที่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เครื่องยนต์หัวฉีดแบบระบบ PGM-FI ของฮอนด้า นอกจากจะเปี่ยมประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในด้านการขับขี่สนุกสนาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้ความคุ้มค่าแล้ว ยังให้สมรรถนะประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ ด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 53.7 กิโลเมตรต่อลิตร นับเป็นรถที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้อย่างตรงจุดครบถ้วน ภายใต้วิกฤติการณ์ราคาน้ำมันแพง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้อย่างสูงสุด”
ส่วนแนวโน้มภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในเดือนมีนาคม 2554 นี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของการขาย รวมถึงค่ายผู้ผลิตต่างโหมแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างเต็มที่เพื่อช่วงชิงตลาด จะส่งผลให้เกิดการแข่งขันรุนแรง และจะช่วยให้รักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อันเนื่องจากเหตุความไม่สงบทางการเมืองของประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางก็ตาม
ด้านรายงานตัวเลขตลาดรวมรถจักรยานยนต์ทุกประเภทประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2554 มีปริมาณยอดการจดทะเบียนทั้งสิ้น 167,298 คัน แบ่งเป็นรถแบบ เอ.ที. 83,089 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% รถแบบครอบครัว 79,161 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47.% รถแบบสปอร์ต 1,981 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1.% รถแบบออฟโรด 2,116 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1.% รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 602 คัน และรถประเภทอื่นๆ 278 คัน
หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 120,005 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 72 %, ยามาฮ่า 37,779 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 23%, ซูซูกิ 5,389 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 3%, คาวาซากิ 2,311 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 1% อื่นๆ ได้แก่ ไทเกอร์ 197, เจอาร์ดี 70 คัน แพลตตินัม 52 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาดไม่ถึง 1
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณธัญลักษณ์ ไชยปะ
ฝ่ายสื่อสารการตลาด ส่วนงานบริหารธุรกิจ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด
โทร.0-2757-6111 ต่อ 2503, 2508